Yukiko Okada (August 22, 1967 – April 8, 1986)
เดิมทีแล้วชื่อของเธอคือ Kayo Sato เธอเริ่มเข้าวงการจากการประกวดร้องเพลงใน Star Tanjō เป็นรายการประกวดร้องเพลงทางโทรทัศน์ ซึ่งมีนักร้องชื่อดังที่เกิดจากเวทีนี้ด้วย อย่างเช่น Junko Sakurada, Momoe Yamaguchi, Hiromi Iwasaki, Kyōko Koizumi หรือ Akina Nakamori โดยตัว
Yukiko Okada เอง เธอได้รับชัยชนะจากการใช้เพลง Slow Motion ของ Akina Nakamori ในการแข่งขัน ซึ่งทำให้เธอ ได้คว้าชัยชนะมาในที่สุด จากนั้นเธอจึงได้ทำสัญญาจากเอเจนซี่ Sun Music และค่าย Pony Canyon พร้อมชื่อใหม่ในวงการ “Yukiko Okada” เหตุนี้เอง จึงทำให้เธอ ต้องย้ายมาใช้ชีวิตที่โตเกียว เพื่อฝึกซ้อมกับทางต้นสังกัดและเตรียมออกผลงาน โดยในปีต่อมา เธอได้ออกซิงเกิลแรก ที่มีชื่อว่า "First Date” ซึ่งผลงานเดบิว ทำให้เธอแจ้งเกิดได้อย่างมาก เพราะความน่ารักสดใสที่ดูจับต้องได้ของเธอ ทำให้แฟนเพลงทั้งชายและหญิง ต่างหลงไหลในตัวเธอ และได้ตั้งฉายาให้เธอว่า “Princess Yukko” โดยซิงเกิล First Date (1984) และ "Dreaming Girl-Koi, Hajimemashite" (1984) ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาของ Glico ในปีแรกเธอได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมถึง 4 สถาบันด้วยกัน และในปี 1985 เธอมีผลงานละครโทรทัศน์เรื่องแรก Kinjirareta Mariko (The Forbidden Mariko) ประกบกับดาราหนุ่ม Toru Minegishiช่วงนนั้นเป็นช่วงที่เธอบูมมาก ๆ จนได้ถูกขนาขนามว่าาเป็น Seiko Matsuda คนใหม่เลยทีเดียว
ในปี1986 เธอได้ออกซิงเกิ้ลใหม่ที่ชื่อว่า Kuchibiru Network ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของทั้ง Seiko Matsuda (เนื้อร้อง) และ Ryuichi Sakamoto (ทำนอง-เรียบเรียง) โดบเพลงนี้แหละ สามารถขึ้นสู่ อันดับ 1 ของ Oricon Chart และนับเป็นเพลงแรกและเพลงเดียวของเธอที่ขึ้นสู่อันดับสูงสุดได้สำเร็จ แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะเมื่อ10 โมงเช้าของวันที่ 8 เมษายน ผู้จัดการส่วนตัวของ Yukiko ไม่สามารถติดต่อกับเธอได้ จึงได้เดินทางไปยังอพาร์ทเมนท์ของเธอ ซึ่งเป็นที่ที่เธอเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ได้ไม่นาน ภายในห้องมีกลิ่นแกสโชยออกมาและพบตัว Yukko นั่งร้องไห้อยู่ในตู้เสื้อผ้า โดยที่ข้อมือของเธอ ถูกกรีดจนเป็นแผลลึก พร้อมกับจดหมายลาตาย เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที โดยหลังจากทำแผลเสร็จ เธอก็ได้บอกผู้จัดการ ว่าอยากกลับไปที่ออฟฟิศ แต่เมื่อมาถึง ก็ต้องพบกับพวกนักข่าวมากมาย ที่ต้องการจะมาทำข่าว เนื่องจากได้ยินข่าวลือเรื่องการฆ่าตัวตายมาในช่วงเช้า โดยในขณะที่นักร้องสาว นั่งอยู่ในห้องภายในออฟฟิศ ผู้จัดการของเธอ ก็ได้ขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ เมื่อกลับมาถึง กลับไม่พบตัวของนักร้องสาวภายในห้องแล้ว โดยตัว Yukiko Okada ได้ตัดสินใจกระโดดตึกชั้น 7 ของตึก Sun Music ซึ่งสร้างความตกใจให้กับผู้คนบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก โดยนักข่าวสามารถจับภาพของเธอได้ ขณะที่กระโดดตึกลงมา
ผู้คนทั่วไป ต่างไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้เธอตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง โดยทาง Sun Music ต้นสังกัดออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนว่าในจดหมาย Yukiko Okada เล่าถึงความผิดหวังจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ จากการถูกปฏิเสธความรักจาก Toru Minegishi ดาราหนุ่มใหญ่วัย 42 ผู้มีอายุมากกว่าเธอถึง 24 ปี โดยMinegishi ก็ออกมาแสดงตนและกล่าวแสดงความเสียใจ พร้อมบอกว่าเขาสามารถคิดกับเธอเพียงแค่ฐานะน้องสาวเท่านั้น แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัย ที่ทำให้เธอได้ตัดสินใจทำแบบนี้ลงไป เนื่องจากพักหลัง ๆ มีคนสังเกตว่า ตัวเธอ มีอาการคล้ายไบโพล่า บางวันก็ดูเศร้าหมอง บางวันก็ดูมีกำลังใจ ร่าเริงผิดปกติ อีกทั้งตัวเธอก็มาใช้ชีวิตอยู่ที่โตเกียวคนเดียว ทำให้ไม่มีใครพร้อมอยู่รับฟังและปลอบโยนความทุกข์ความเศร้าโศกที่เธอเผชิญ และขาดผู้ให้คำปรึกษาในยามที่เธอมีความทุกข์
โดยหลังจากการจบชีวิตของเธอ ถือมีอิทธิพลต่อสังคมญี่ปุ่นมาก เพราะเกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้วัยรุ่นญี่ปุ่นอีกหลายคน ได้ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตายตามเธอ โดยบอกกล่าวผ่านจดหมาย และหนึ่งในนั้นยังกระโดดตึกลงมาจากที่เดียวกัน ชั้นเดียวกัน บริเวณณเดียวกันกับที่เธอได้กระโดดลงมาอีกด้วย ซึ่งเหตุการณณ์แบบนี้ ถูกเรียกว่า "Yukiko Syndrome” ซึ่งผลของมันคือทำให้ทางต้นสังกัด ต้องหยุดออกซิงเกิลสุดท้ายของเธอ เพราะเธอเสียชีวิต ก่อนที่จะได้ออกซิงเกิลใหม่ ทางรัฐบาล และต้นสังกัด เกรงว่าการปล่อยซิงเกิลสุดท้าย อาจจะทำให้มีคนฆ่าตัวตายเพิ่มก็เป็นได้
ปัจจุบันนี้ ทุกวันที่8 เมษายน ที่วัด Joumanji ในจังหวัด Aichi บ้านเกิด จะมีแฟนเพลงมาร่วมไว้อาลัยหน้าป้ายที่บรรจุอัฐิของเธอ รวมทั้งที่หน้าตึก Sun Music เดิม ณ แยก Yotsuya-sanchōme ก็ยังมีผู้ที่ยังรัก และคิดถึงเธอ มารวมตัวกันวางดอกไม้ และของที่ระลึกให้
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น