หลาย ๆ คน ในวัย30 หรือวัยทำงาน อาจจะกำลังคิดว่าตัวเองหมดสิทธิ์ในการขอทุนไปเรียนต่อต่างประเทศกันใช่ไหมค่ะ แต่อยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งท้อเเท้กันไปเลยค่ะ เพราะสมัยนี้ ทั่วโลกก็มีทุนใหม่ ๆ ออกมาให้วัย30อย่างเรา สามารถขอทุนไปเรียนต่อต่างประเทศได้ โดยมีเงื่อนไขคือเราต้องอายุ 30 ปีขึ้นไปค่ะ จะมีทุนไหนกันบ้าง ไปติดตามดูกันเลยค่ะ
1. Hubert H. Humphrey Fellowship Program
ซึ่งทันนี้จะเปิดรับหลายสาขามากมายเลยค่ะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้บริหาร นักวิชาการ นักวิชาชีพระดับกลางขององค์กรภาครัฐและเอกชน ให้ก้าวสู้ผู้นำองค์กร และสร้างเครื่อข่ายอย่างมีคุณภาพ โดยทุนนี้เน้นสาขาด้านการบริหาร ซึ่งผู้ที่ได้รับทุน จะได้รับการสนับสนุนทางด้านค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าบินไป-กลับ ค่าเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์ ยกเว้นพวกค่าประกัน ผู้ได้ทุนจะต้องเป็นคนรับผิดชอบส่วนนี้เองค่ะ ซึ่งปกติเขาจะเปิดรับช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนค่ะ โดยคุณสมบัติก็จะมีดังนี้เลยค่ะ
คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัคร
1. มีสัญชาติไทย สุขภาพแข็งแรง และมีอายุระหว่าง 30-50 ปี
2. สำเร็จการศึกษาอย่างน้อยระดับปริญญาตรี โดยมีคะแนนเฉลี่ยตลอดการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.00
3.มีผลคะแนน TOEFL อย่างน้อย 71 หรือผลคะแนน IELTS อย่างน้อย 6.0
4. ดำรงตำแหน่งบริหารหรือมีบทบาทเชิงนโยบายในหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน และได้รับกอารรับรองจากหน่วยงานว่าจะสามารถกลับเข้าทำงานได้เมื่อการรับทุนสิ้นสุดลง
Hubert H. Humphrey Fellowship Program
2. Chevening scholarship
ทุนนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Foreign and Commonwealth Office (FCO) และองค์กรที่ร่วมมืออื่นๆ อีกทั้งยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายเต็มจำนวนอีกด้วย ทั้งค่าวีซ่า ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายรายเดือน ซึ่งทุนนี้เหมาะกับคนที่มีความทะเยอทะยาน มีความเป็นผู้นำ และมีคุณสมบัติทางด้านวิชาการ ใครที่มีคุณสมบัติที่กล่าวมาอีกทั้งยังวางแผนที่จะเรียนต่อป.โท ก็เเนะนำทุนนี้เลยค่ะ ปกติจะเปิดรับช่วงสิงหาคม-พฤษจิกายนโดยสามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ www.chevening.org/apply ได้เลยค่ะ
คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัคร
1. มีสัญชาติไทย
2. สำเร็จการศึกษาอย่างน้อยระดับปริญญาตรี โดยมีคะแนนเฉลี่ยตลอดการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.00
3. มีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 2 ปี (เทียบเป็น 2,800 ชั่วโมง)
4. ไม่เคยได้รับทุนจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อศึกษาในสหราชอาณาจักรมาก่อน
5. จะต้องเดินทางกลับประเทศไทยและทำงาน 2 ปีหลังจากจบการศึกษา
6. ผลคะแนน IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.5 (ไม่มีทักษะใดได้คะแนนน้อยกว่า 5.5)
3. Orange Knowledge Programme (OKP)
เป็นทุนจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมอบทุนเพื่อให้ผู้รับทุน ได้พัฒนาความรู้ ความสามารถของตนเอง โดยทุนจะเเบ่งเป็นคอร์สระยะสั้น (2 สัปดาห์-1 ปี) และปริญญาโท (1-2 ปี) โดยสาขาที่เขาเปิดรับ จะมีทั้งหมด 518 สาขา เช่น Humanities, Media Campaigns for Development and Social Change, Coastal Systems ฯลฯ ซึ่งเยอะมาก ๆ สามารถไปลงเรียนเองได้ตามใจชอบเลย อีกทั้งทุนนี้ก็ยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เต็มจำนวนด้วย เช่น ค่าเล่าเรียน, ค่าวีซ่า, ค่าเดินทาง และค่าประกัน โดยช่วงเวลาการรับสมัครของเขาก็จะเเตกต่างกันไป เพราะจะมีเปิดรับปีละ 3 ครั้ง
- ช่วงที่ 1 กุมภาพันธ์ - เมษายน
- ช่วงที่ 2 มิถุนายน - สิงหาคม)
- ช่วงที่ 3 กันยายน - พฤศจิกายน
โดยคุณสมบัติในการรับสมัครก็จะแตกต่างกันไปในเเต่ละสาขาวิชา ผู้สมัครที่สนใจอยากเข้าเรียน จะต้องติดต่อกับทางสถาบันโดยตรงเพื่อสอบถามถึงข้อมูล สามารถเข้าไปดูสาขาวิชาและคุณสมบัติรวมถึงการสมัครเรียนได้ที่ Orange Knowledge Programme | Study in Holland
4. ทุนนักศึกษาวิจัย (Research Students)
ทุนนี้จะเป็นทุนที่เราสามารถขอได้โดยต้องศึกษาในสาขาเดิมเท่านั้นค่ะ ส่วนใครที่ไม่มีพื้นฐานญี่ปุ่น เขาก็จะมีปรับพื้นฐานญี่ปุ่นให้ 6 เดือน ส่วนผู้ที่มีพื้นฐานเเล้วก็จะได้รับการยกเว้นค่ะ ซึ่งระยะเวลารับทุนก็จะเเตกต่างกันดังนี้ค่ะ
-
นักศึกษาวิจัย - สูงสุด 2 ปี
-
นักศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย (โท-เอก) ระยะเวลาเท่ากับหลักสูตรมาตรฐาน (รวมระยะเวลาสำหรับเรียนภาษาญี่ปุ่น 6 เดือนสำหรับผู้มีความจำเป็น)
ซึ่งทุนนี้ก็จะให้เเละสนับสนุนนักศึกาษาเต็มจำนวนเหมือนกันค่ะ โดยที่ข้อดีของเขาคือ จะเป็นทุนที่ไม่ผูกมัดค่ะ แต่ก็แลกมาด้วยความยากของการชิงทุนนะคะ เพราะที่นี่ไม่ได้ให้เราเรียงความขอทุนนะคะ เเต่จะเป็นการสอบข้อเขียนข้อกาตามสาขาที่เรียนค่ะ
-
สาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สอบวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น คณิตศาสตร์
-
สาขาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และเลือกสอบระหว่างเคมี ฟิสิกส์หรือชีววิทยา
โดยที่สนใจสมัครก็สามารถเข้าไปดาวโหลดใบสมัครเเละดูเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ที่นี่เลยค่ะ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดยคุณสมบัติผู้สมัครจะมีดังนี้ค่ะ
คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัคร
1. อายุผู้สมัครไม่เกิน 35 ปี
2. จบหรือคาดว่าจะจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท มีคะแนนเฉลี่ยสะสมในระดับปริญญาตรีไม่ต่ำกว่า 3.25 หรือมีคุณสมบัติตามข้อยกเว้น ในกรณีจบปริญญาโทต้องมีคะแนนเฉลี่ยสะสมในระดับปริญญาโทไม่ต่ำกว่า 3.50
3.สาขาที่เลือกได้ต้องเป็นสาขาวิชาเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกับที่ผู้สมัครศึกษามาก่อนหน้า
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น