แนวข้อสอบ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2555 จำนวน 50 ข้อพร้อมเฉลยและมี 9 เทคนิคสอบอย่างไรให้ได้คะแนนดี

          เชื่อว่าหลายๆท่านอาจจะเคยพบเจอปัญหาหลายๆอย่างก่อนสอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลาน้อย เตรียมตัวไม่ทัน หรือไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือ นอกจากทำงานประจำแล้วยังต้องมีเวลาให้กับครอบครัวและยิ่งคุณผู้หญิงทั้งลูกทั้งสามีทั้งงานบ้าน ทางผู้เขียนเองก็เช่นกัน ดังนั้นการสอบในแต่ละครั้ง สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ เตรียมตัวก่อนสอบ ได้นะคะ (ก่อนอ่านแนวข้อสอบทางผู้เขียนมีเทคนิค 9 เทคนิคแนะนำก่อนสอบ)

 1.  ทบทวนเนื้อหา

การทบทวนเนื้อหาเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ทุกครั้งที่ อ่านหนังสือไม่ว่าจะในร้านคาเฟ่ ที่บ้าน หลังเลิกงานควรใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงในการทบทวนเนื้อหาที่จะสอบไปในแต่ละวัน เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาที่อ่านมา หรือถ้าเราไม่เข้าใจ ก็ การทบทวนบทข้อสอบจะทำให้เราจำได้ง่ายและเข้าใจได้เร็ว

2. วางแผนการอ่านหนังสือ

เราจะมีเวลาให้อ่านหนังสือก่อนสอบ ดังนั้นเราต้องวางแผนดีๆ ในการอ่านแต่ละ พ.ร.บ.เราอาจจะแบ่งเป็นภาค ก.  วันละ พ.ร.บ.หรือเฉพาะตำแหน่งวันละ 30-40 ข้อต่อวัน ซึ่งอยู่ที่เรากำหนด อย่างเช่นวันนี้เราจะอ่าน พรบ.ที่จะเข้าครั้งนี้ แล้วอ่านตามเวลาที่เรากำหนด เพียงเท่านี้ก็ทำตามแผนที่วางไว้ได้แล้ว

 

3. มีความตั้งใจอย่างแท้จริง

การอ่านหนังสือเพื่อ เตรียมตัวก่อนสอบ หากเรามีความตั้งใจจริง เราจะอ่านและพยายามทำความเข้าใจเนื้อหา แนะนำให้หาสถานที่เงียบๆ อ่าน เพราะจะมีสมาธิในการอ่านมากขึ้น และควรเตรียมน้ำเตรียมขนมเพื่อทานบำรุงสมองในการอ่าน หากอ่านหนังสือแบบหักโหมเกินไป เดี๋ยวสมองและร่างกายเราจะไม่ไหวเอา

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

เราอาจจะทั้งทำงาน ไหนจะโอที และต้องแก้ไขปัญหาต่างๆนานาหน้างาน หรืออ่านหนังสือสอบ

ถึงเวลาที่ร่างกายและสมองต้องพักบ้าง ควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อนมากๆเหมือนกัน เพราะถ้าเรานอนไม่เพียงพอ เราจะไม่มีแรงอ่านหนังสือสอบ ส่งผลให้ทำข้อสอบได้ไม่เต็มที่ ทำให้สอบไม่ผ่าน กลับกันหากเราพักผ่อนเต็มที่ นอนให้พอ เราก็จะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีแรงอ่านหนังสือ

5. สร้างกำลังใจให้ตัวเอง

ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเรา การให้กำลังใจตัวเองก็เป็นอีกวิธีในการเตรียมตัวก่อนสอบที่ทำให้เราก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้ ต้องคิดเสมอว่าเราทำได้ หากเราท้อให้มองภาพอนาคตเข้าไว้ นึกถึงวันที่เราสอบเข้าได้ นึกถึงวันที่เราบรรจุรับราชการและนึกถึงวันที่เรานั่งโต๊ะทำงานออฟฟิศแอร์เย็นๆ เป็นวันที่เราภูมิใจมากที่สุด ต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเองในทุกๆวัน

 

6. แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ

นอกจากการที่เราอ่านหนังสือและทบทวนเองแล้ว ควรแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ ด้วย เป็นการติวให้กันและกันไปในตัว เนื้อหาที่เพื่อนรู้อาจเป็นเนื้อหาที่เรายังไม่รู้ และเนื้อหาของเราอาจเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ดังนั้นการติวและการแลกเปลี่ยนความรู้กันจะช่วยทำให้ เก่งขึ้น และจดจำเนื้อหาได้แม่นยำมากขึ้น

7.จดโน้ตเพิ่มเติม

ข้อนี้สำคัญมากสำหรับผู้เขียน เวลาอ่านหนังสือสอบ ถ้าต้องการให้ได้ประสิทธิภาพ ควรจดโน้ตระหว่างการอ่านกันด้วย เราควรจดเนื้อหาที่เราคิดว่าสำคัญ จดให้ตัวเองอ่านแล้วเข้าใจ เพราะมันจะทำให้เราจำได้เวลาเรากลับมาอ่าน เมื่อเราจดสิ่งที่คิดว่าสำคัญไว้แล้ว เวลาใกล้สอบเราสามารถกลับมาอ่านโน้ตของเราโดยที่ไม่จำเป็นต้องอ่านเนื้อหาทั้งหมดอีก เป็นการเตรียมตัวก่อนสอบที่ได้ผลมากครับ

8. จำให้เป็นภาพ

ลองใช้เทคนิคแปลจากข้อความไปเป็นรูปภาพกันดูนะ จะช่วยทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น เพราะรูปภาพนั้นมีรูปลักษณ์ชัดเจน แล้วโยงกับความคิดเราได้ดี เราอาจจะใช้รูปภาพแทนคำพูดบางส่วนเวลาเราจดโน้ต พอถึงเวลาที่ทำข้อสอบ ก็แปลจากรูปภาพที่จำมาเป็นตัวอักษรได้ไม่ยาก

9. ฝึกทำโจทย์

การฝึกทำโจทย์บ่อยๆเป็นการ เตรียมตัวก่อนสอบ ที่จะช่วยให้ทำข้อสอบได้แน่นอน มันเหมือนเรามีภูมิต้านทานมาแล้วระดับหนึ่ง พอถึงเวลาสอบจริง เราจะตื่นเต้นน้อยลง และเมื่อเจอข้อสอบที่คล้ายๆกันก็สามารถทำข้อสอบได้อย่างสบายๆ เพราะคุ้นเคยและผ่านตามาแล้วนั่นเอง สำหรับท่านที่กำลังสอบหน่วยงานราชการ แล้วไม่รู้แนวข้อสอบก็สามารถอ่านเป็นแนวตามด้านล่างนี้ได้นะคะรับรองว่าจะได้เทคนิคการทำข้อสอบเพิ่มขึ้นแน่นอน

        เป็นยังไงกันบ้างกับ 9 เทคนิคทั้ง 9 ข้อ อย่าลืมนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กันนะ หากเรา เตรียมตัวก่อนสอบ ดีๆ รับรองว่าสามารถทำข้อสอบได้ผ่านแน่นอน

 

 

 

                                                        แนวข้อสอบ  

                    ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2555

                                              จำนวน 50 ข้อพร้อมเฉลย

บทนำ

       แนวข้อสอบ “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2555   ”  เพื่อให้ผู้ที่สนใจสอบราชการ อ่านเป็นแนวทางในการสอบและได้ทดสอบก่อนสอบจริง เพื่อให้ผู้อ่านได้แนวทางที่เหมาะสมและครบถ้วน ทั้งนี้เนื้อหาในข้อสอบนี้มีการอธิบายเพิ่มเติมแต่ละคำตอบ และผู้เขียนได้รวบรวมสาระสำคัญของ และความยากของ “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2555   ” ไว้ในนี้แล้ว

1.ของใดไม่ใช่ “ปลัดกระทรวง”

ก.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ข.ปลัดทบวง

ค.ปลัดกรม

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ค.

2.ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับ “หัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรง”

ก.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ข.ปลัดกระทรวง

ค.ปลัดทบวง

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

3.ข้อใดไม่ใช่ “หัวหน้าส่วนราชการ”

ก.ปลัดนายอำเภอ

ข.เลขานุการรัฐมนตรี

ค.ผู้ว่าราชการจังหวัด

ง.อธิบดี

ตอบ  ก.

4.ข้อใดหมายถึง “การเข้าตรวจรับ”

ก.การตรวจเลือกเพื่อรับราชการเป็นทหาร กองประจำการตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร

ข. เข้ารับการตรวจสอบพล

ค.เข้ารับ การฝึกวิชาทหาร

ง.เข้ารับการทดลองความพรั่งพร้อม

ตอบ ก.

5.การรายงานจำนวนวันลาป่วย ลาคลอดบุตร ลากิจส่วนตัว ลาพักร้อน หรือลาเข้ารับการตรวจเลือดหรือเข้ารับการเตรียมพล ต้องรายงานให้ต้นสังกัดทราบอย่างน้อยปีละกี่ครั้ง

ก.หนึ่งครั้ง

ข.สองครั้ง

ค.สามครั้ง

ง.สี่ครั้ง

ตอบ   ก.

6.การนับวันลาตามระเบียบนี้ให้นับตามข้อใด

ก. รายปี

ข.รายเดือน

ค.รายวัน

ง.ปีงบประมาณ

ตอบ  ง.

7.การนับวันลาเพื่อประโยชน์ในการเสนอหรือจัดส่งใบลา อนุญาตให้ลา และคำนวณวันลาตามข้อใด

ก.นับต่อเนื่องกันโดยนับวันหยุดราชการที่อยู่ในระหว่างลา

ข.นับเป็นรายเดือนรวมวันหยุดราชการ

ค.นับเป็นรายปีปฏิทินรวมวันหยุดราชการ  

ง.นับเป็นปีงบประมาณ

ตอบ  ก.

8.ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับ “การลาครึ่งวัน”

ก.ลาครึ่งวันเช้า

ข.ลาครึ่งวันบ่าย

ค.ลาระหว่างวัน

ง.ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ข.

ตอบ  ง.

9.นำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการเสนอใบลา อนุญาตให้ลา และยกเลิกวันลา สำหรับการลาป่วย ลาพักผ่อน หรือลากิจส่วนตัวระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามข้อใด

ก.มีความปลอดภัย

ข.รัดกุม

ค.ตรวจสอบตัวบุคคล และเก็บข้อมูลได้

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง.

10.การอนุญาตข้าราชการที่ประสงค์จะไปต่างประเทศในระหว่างการลาตามระเบียบนี้ หรือในระหว่างวันหยุดราชการหัวหน้าส่วนราชการต้องเสนอขออนุญาตต่อใคร

ก.ผู้ว่าราชการจังหวัด

ข.ปลัดกระทรวง

ค.รัฐมนตรี เจ้าสังกัด

ง.คณะรัฐมนตรี

ตอบ  ข.

11.การขออนุญาตไปต่างประเทศซึ่งอยู่ติดเขตแดนประเทศไทย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอในท้องที่ที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศนั้นมีอำนาจอนุญาตให้ข้าราชการในราชการ บริหารส่วนภูมิภาคในสังกัดจังหวัดหรืออำเภอนั้นๆ ไปประเทศนั้นได้ครั้งหนึ่งไม่เกินกี่วัน วัน

ก. สามวันและสองวันตามลำดับ

ข. ห้าวันและสามวันตามลำดับ

ค. เจ็ดวันและสามวันตามลำดับ

ง. สิบสองวันและห้าวันตามลำดับ

ตอบ  ค.

12.ข้าราชการผู้ใดไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้อันเนื่องมาจากพฤติการณ์พิเศษซึ่งเกิดขึ้น กับบุคคลทั่วไปในท้องที่นั้น หรือพฤติการณ์พิเศษซึ่งเกิดขึ้นกับข้าราชการผู้นั้นและมิได้เกิดจากความประมาท เลินเล่อหรือความผิดของข้าราชการผู้นั้นเองให้ข้าราชการผู้นั้นรีบรายงานพฤติการณ์ ที่เกิดขึ้นรวมทั้งอุปสรรคขัดขวางที่ทำให้มาปฏิบัติราชการไม่ได้ต่อผู้บังคับบัญชาทราบ จากข้อความดังกล่าวหัวหน้าส่วนราชการต้องรายงานต่อใคร

ก.ผู้ว่าราชการจังหวัด

ข.ปลัดกระทรวง

ค.รัฐมนตรี เจ้าสังกัด

ง.คณะรัฐมนตรี

ตอบ  ค.

13.ประเภทการลามีกี่ประเภท

ก. 5  ประเภท

ข. 7 ประเภท

ค. 9 ประเภท

ง.  11 ประเภท

ตอบ  ง.

14.ข้อใดไม่ใช่ประเภทการลา

ก.การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล

ข.การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ

ค.ลากิจไปติดต่อราชการ

ง.การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ

ตอบ  ค.

อธิบายเพิ่มเติม  ข้อ 17  การลาแบ่งออกเป็น 11  ประเภท ดังต่อไปนี้

(1) การลาป่วย

(2) การลาคลอดบุตร

(3) การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร

(4) การลากิจส่วนตัว

(5) การลาพักผ่อน

(6) การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจญ์

(7) การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล

(8) การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน

(9) การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ

(10) การลาติดตามคู่สมรส

(11) การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ

15.การลาป่วยตั้งแต่กี่วันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองของแพทย์ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนและ รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแนบไปกับใบลาด้วย

ก. สามวัน

ข.เจ็ดวัน

ค.สิบห้าวัน

ง.สามสิบวัน

ตอบ  ง.

16. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับ “การลาป่วย”

ก.การลาป่วยเพื่อรักษาตัวเสนอหรือจัดส่งใบลาให้หัวหน้า

ข.ผู้ขอลามีอาการป่วยไม่สามารถลงชื่อในใบลาได้ ให้ผู้อื่นลาแทนก็ได้

ค.การลาป่วยไม่ถึง 30 วันไม่ว่าจะลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งจะมีใบรับรองแพทย์หรือไม่มีก็ได้

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง.

17.การลาคลอดบุตรลาได้ไม่เกินกี่วัน

ก. สี่สิบห้าวัน

ข.หกสิบวัน

ค.เก้าสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ  ค.

18.การขอลาไปช่วยเหลือภริยาคลอดบุตรต้องจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลาภายในกี่วัน นับแต่วันที่คลอดบุตร

ก. สี่สิบห้าวัน

ข.หกสิบวัน

ค.เก้าสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ ค.

19.การขอลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ ไม่เกิน กี่วันทำการ

ก. สามวัน

ข.เจ็ดวัน

ค.สิบห้าวัน

ง.สามสิบวัน

ตอบ  ค.

20.ข้าราชการที่ลาคลอดบุตรหากประสงค์จะลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร ให้มีสิทธิลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน กี่วันวันทำการ

ก.เก้าสิบวัน

ข.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ค.หนึ่งร้อยห้าสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยแปดสิบวัน

ตอบ  ค.

21.ในกรณีมีเหตุพิเศษที่ไม่อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาก่อนได้ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา พร้อมทั้งเหตุผลความจำเป็นต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตทันทีในวันแรก ที่มาปฏิบัติราชการ จากข้อความดังกล่าวหมายถึงการลาประเภทใด

ก.การลาพักผ่อน

ข.ลากิจส่วนตัว

ค.การลาป่วย

ง.การลาติดตามคู่สมรส

ตอบ  ข.

22.ข้าราชการมีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีในปีงบประมาณหนึ่งได้กี่วันทำการ

ก. ห้าวันทำการ

ข.สิบวันทำการ

ค.สิบห้าวันทำการ

ง.สามสิบวันทำการ

ตอบ  ข.

23.ข้าราชการตามข้อใดไม่มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีในปีที่ได้รับบรรจุเข้ารับราชการยังไม่ถึง 6 เดือน ได้

ก.ผู้ซึ่งได้รับบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครั้งแรก

ข.ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพราะเหตุส่วนตัว แล้วต่อมาได้รับบรรจุเข้ารับราชการอีก

ค.ผู้ลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแล้วต่อมา ได้รับบรรจุเข้ารับราชการอีกหลัง 6 เดือน นับแต่วันออกจากราชการ

ง. ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง.

อธิบายเพิ่มเติม   ข้าราชการดังต่อไปนี้ไม่มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีในปีที่ได้รับบรรจุเข้ารับราชการยังไม่ถึง 6 เดือน

(1) ผู้ซึ่งได้รับบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครั้งแรก

(2) ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพราะเหตุส่วนตัว แล้วต่อมาได้รับบรรจุเข้ารับราชการอีก

(3) ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพื่อที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแล้วต่อมา ได้รับบรรจุเข้ารับราชการอีกหลัง 6 เดือน นับแต่วันออกจากราชการ

(4) ผู้ซึ่งถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณีอื่น นอกจากกรณีไปรับราชการทหารตามกฎหมาย ว่าด้วยการรับราชการทหาร และกรณีไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ แล้วต่อมา ได้รับบรรจุเข้ารับราชการอีก

24.ถ้าในปีใดข้าราชการผู้ใดมิได้ลาพักผ่อนประจำปีหรือลาพักผ่อนประจำปีแล้วแต่ไม่ครบ 10  วันทำการให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ แต่วันลาพักผ่อนสะสมรวมกับ วันลาพักผ่อนในปีปัจจุบันจะต้องไม่เกินกี่ วันทำการ

ก.สิบวันทำการ

ข.สิบห้าวันทำการ

ค.ยี่สิบวันทำการ

ง.สามสิบวันทำการ

ตอบ  ค.

25.สำหรับผู้ที่ได้รับราชการติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ให้มีสิทธินำวันลาพักผ่อนสะสม รวมกับวันลาพักผ่อนในปีปัจจุบันได้ไม่เกิน กี่วันทำการ

ก.สิบวันทำการ

ข.สิบห้าวันทำการ

ค.ยี่สิบวันทำการ

ง.สามสิบวันทำการ

ตอบ  ง.

26.ให้ข้าราชการที่ประจำการในต่างประเทศในเมืองที่กำลังพัฒนาซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาค แอฟริกา ลาตินอเมริกา และอเมริกากลาง หรือเมืองที่มีความเป็นอยู่ยากลำบากเมืองที่มีภาวะ ความเป็นอยู่ไม่ปกติ และเมืองที่มีสถานการณ์พิเศษ มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีในปีหนึ่งได้เพิ่มขึ้นอีก กี่ วันทำการ

ก.สิบวันทำการ

ข.สิบห้าวันทำการ

ค.ยี่สิบวันทำการ

ง.สามสิบวันทำการ

ตอบ  ก.

27.ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา หรือข้าราชการที่นับถือ ศาสนาอิสลามซึ่งประสงค์จะลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ.เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ให้เสนอ หรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจพิจารณาหรืออนุญาตก่อนวันอุปสมบท หรือก่อนวันเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ไม่น้อยกว่า กี่ วัน

ก.สิบห้าวัน

ข.สามสิบวัน

ค.สี่สิบห้าวัน

ง.หกสิบวัน

ตอบ  ง.

28.ข้าราชการที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการตรวจเลือก ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชา ก่อนวันเข้ารับการตรวจเลือกไม่น้อยกว่า กี่ ชั่วโมง

ก.แปดชั่วโมง

ข.สิบสองชั่วโมง

ค.สี่สิบแปดชั่วโมง

ง.แปดสิบสี่ช่วงโมง

ตอบ  ค.

29เมื่อข้าราชการที่ลานั้นพ้นจากการเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพลแล้ว ให้มารายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการตามปกติต่อผู้บังคับบัญชาภายใน กี่วัน

ก. ห้าวัน

ข.เจ็ดวัน

ค.สิบห้าวัน

ง.สามสิบวัน

ตอบ  ข.

30.ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ในประเทศหรือต่างประเทศ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงหัวหน้าส่วนราชการแล้วหัวหน้าส่วนราชการรายงานให้ใครทราบ

ก.ผู้ว่าราชการจังหวัด

ข.ปลัดกระทรวง

ค.รัฐมนตรี เจ้าสังกัด

ง.คณะรัฐมนตรี

ตอบ  ข.

31.ข้าราชการที่ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศที่มีระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เมื่อปฏิบัติงานแล้วเสร็จ ให้รายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการภายในกี่วัน นับแต่วันครบ กำหนดเวลา

ก. ห้าวัน

ข.เจ็ดวัน

ค.สิบห้าวัน

ง.สามสิบวัน

ตอบ  ค.

32.จากข้อ 31 ต้องรายงานผลเกี่ยวกับการลาไปปฏิบัติงานให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการ

ก. ห้าวัน

ข.เจ็ดวัน

ค.สิบห้าวัน

ง.สามสิบวัน

ตอบ  ง.

33. ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาติดตามคู่สมรสพิจารณาอนุญาตให้ลาได้ ไม่เกินกี่ปี

ก.หนึ่งปี

ข.สองปี

ค.สามปี

ง.สี่ปี

ตอบ  ข.

34.จากข้อ33 สามารถอนุญาตให้ลาต่อได้อีก 2 ปี แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกินกี่ปี

ก.หนึ่งปี

ข.สองปี

ค.สามปี

ง.สี่ปี

ตอบ  ง.

35.ข้าราชการผู้ใดได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่ หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่ จนทำให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ หากข้าราชการผู้นั้นประสงค์จะลาไปเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ แล้วแต่กรณี มีสิทธิลาไปฟื้นฟู สมรรถภาพด้านอาชีพครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหลักสูตรที่ประสงค์จะลา แต่ไม่เกินกี่เดือน

ก.สามเดือน

ข.หกเดือน

ค.เก้าเดือน

ง.สิบสองเดือน

ตอบ  ง.

36.การลาทุกประเภทและการไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจ ของนายกรัฐมนตรี และแจ้งให้ใครทราบ

ก.คณะรัฐมนตรี

ข.เลขานุการนายกรัฐมนตรี

ค.รองนายกรัฐมนตรี

ง.ข้าราชการการเมือง

ตอบ  ก.

37.การลาทุกประเภทและการไปต่างประเทศของข้าราชการการเมือง ให้เป็นอำนาจของใคร

ก.คณะรัฐมนตรี

ข.เลขานุการนายกรัฐมนตรี

ค.รองนายกรัฐมนตรี

ง.นายกรัฐมนตรี

ตอบ  ง.

38.การลาทุกประเภทและการไปต่างประเทศของข้าราชการการเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง ให้เป็นอำนาจของใคร

ก.คณะกรรมการกรุงเทพมหานคร

ข.ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ค.ปลัดกรุงเทพมหานคร

ง.ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ  ก.

39.ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับ “การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน”

ก.เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา

ข.หัวหน้าส่วนราชการ

ค.รายงานปลัดกระทรวง หรือหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงทราบ

ง. ถูกทุกข้อ

ตอบ  ง.

40.ระเบียบนี้ประกาศ ณ.วันที่ใด

ก.วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

ข.วันที่ 11 มีนาคม   พ.ศ. 2555

ค.วันที่ 11 เมษายน  พ.ศ. 2555

ง.วันที่ 11 พฤษภาคม  พ.ศ. 2555

ตอบ  ก.

41.นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดสามารถลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพได้กี่เดือน

ก. สามเดือน

ข.หกเดือน

ค.แปดเดือน

ง.สิบสองเดือน

ตอบ  ง.

42.หัวหน้าส่วนราชการ (ยกเว้นผู้ว่าราชการจังหวัด) สามารถลาไฟฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพได้กี่เดือน

ก. สามเดือน

ข.หกเดือน

ค.แปดเดือน

ง.สิบสองเดือน

ตอบ  ข.

43.หัวห้าส่วนราชการ (ยกเว้นผู้ว่าราชการจังหวัด)สามารถลากิจส่วนตัวได้กี่วันต่อปี

ก.สามสิบวัน

ข.สี่สิบห้าวัน

ค.หกสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ  ข.

44.ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถลาป่วยได้กี่วันต่อปี

ก.สามสิบวัน

ข.สี่สิบห้าวัน

ค.หกสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ  ง.

45.ผู้อำนวยการสำนัก หัวหน้าสำนัก กอง  เลขานุการกรม หัวหน้าส่วนราชการ สามารถลาป่วยได้กี่วันต่อปี

ก.สามสิบวัน

ข.สี่สิบห้าวัน

ค.หกสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ  ก.

46.ข้าราชการทุกตำแหน่งในสำนัก/กอง หรือเทียบเท่าสำนัก/กองและส่วนราชการจังหวัด อำเภอ หรือกิ่งอำเภอสามารถลาป่วยได้กี่วันต่อปี

ก.สามสิบวัน

ข.สี่สิบห้าวัน

ค.หกสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ  ค.

47.หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอสามารถลาป่วยได้กี่วันต่อปี

ก.สามสิบวัน

ข.สี่สิบห้าวัน

ค.หกสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ  ก.

48 อธิการบดีสามารถไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพได้กี่เดือน

ก. สามเดือน

ข.หกเดือน

ค.แปดเดือน

ง.สิบสองเดือน

ตอบ  ข.

49.อธิการบดีสามารถลากิจส่วนตัวได้กี่วันต่อปี

ก.สามสิบวัน

ข.สี่สิบห้าวัน

ค.หกสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ  ข.

50.ข้าราชการตำรวจทุกตำแหน่งสามารถลาป่วยได้กี่วันต่อปี

ก.สามสิบวัน

ข.สี่สิบห้าวัน

ค.หกสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ  ง.

 

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน
บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์