ช๊อคโกแลต เมล็ดพืชแห่งความอร่อย

ชาวมายาและชนเผ่าดั้งเดิมในอเมริกาใต้ได้ค้นพบว่าเมล็ดโกโก้นั้นสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มที่เรียกว่าช๊อคโกแลตได้ ยุคเริ่มต้นนั้นมาในรูปของเครื่องดื่ม โดยเริ่มจากการนำเมล็ดโกโก้ไปตากแห้ง บดและผสมกับน้ำกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีรสขมสำหรับดื่มเป็นยา เครื่องดื่มช๊อคโกแลตหรือโกโก้ร้อนที่เราคุ้นเคยมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นและมักมีส่วนผสมของพริกน้ำผึ้งและน้ำเปล่า อย่างไรก็ตามเครื่องดื่มชนิดนี้ได้รับความนิยมมากจนได้รับยกย่องให้เป็นอาหารของชนชั้นสูงและเมล็ดโกโก้ก็กลายมาเป็นเครื่องบรรณาการของชาวแอชแทคและชาวมายามากไปกว่าความชื่นชอบและความหลงใหล ชาวมายาและชาวแอชแทคต่างเชื่อว่า เมล็ดโกโก้เป็นผลไม้วิเศษนิยมใช้ในงานศักดิ์สิทธิือย่างการแต่งงานและงานศพและการใช้แทนเงินพระ สำหรับพวกเขาแล้วเมล็ดโกโก้มีค่ายิ่งกว่าทองคำเสียอีก แม้แต่ในประเทศสเปนช๊อคโกแลตถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่นิยมมากขนาดต้องนำเข้าประเทศอย่างมหาศาล หลังจากนั้นไม่นานช๊อคโกแลตก็กลายเป็นที่นิยมไปทั่วยุโรป และดัดแปลงช๊อคโกแลตแบบดั้งเดิม มาใส่น้ำตาลและให้ความหอมโดยการใส่วานิลลา อบเชยและน้ำผึ้งจนกลายเป็นเครื่องดื่มแสนอร่อย

เข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้การผลิตช๊อคโกแลตทำได้ง่ายและรวดเร็วซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนให้คนเข้าถึงช๊อคโกแลตและนำมาสู่เมนูต่างๆอีกมากมาย ในศตวรรษที่ 20 ช๊อคโกแลตได้ถูกนำเข้าสู่โรงงานเกิดการแปรสภาพเป็นลูกกวาดและขนม

การเก็บเกี่ยวผลโกโก้ต้องทำเก็บเกี่ยวในขณะที่สุกพอดีไม่ช้าหรือเร็วเกิดนไป เพราะหากเร็วเกินไปปริมาณน้ำตาลในผลโกโก้จะยังไม่เพียงพอสำหรับกระบวนการหมัก หากเร็วเกินไปก็จะอก่จนไม่สามารถนำมาแปรรูปได้ โดยการนำเมล็ดโก้โก้มาตากแห้งเพื่อให้เกิดกระบวนการหมักซึ่งใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ บางคนว่าต้องมีการเคลือบเมล็ดเพื่อให้เกิดรสชาตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ยังทำให้เมล็ดไม่สามารถงอกเป็นต้นใหม่ได้และทำให้ดินบริเวณนั้นมีความพร้อมที่จะงอกเป็นต้นใหม่ต่อไปได้ เมื่อสิ้นกระบวนการหมักเกษตรกรต้องนำไปผึ่งแดดเพื่อลดความเป็นกรดก่อนน้ำเข้าโรงงานแปรรูป ตลาดช๊อคโกแลตเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา โดนเฉพาะอเมริกาเหนือและลตินอเมริกาเป็นประเทศที่ครองอันดับที่สองในการผลิตช๊อคโกแลต