เมื่อคุณเราตัดใครสักคนออกจากชีวิต เขาไม่เล่าเรื่องทั้งหมดให้คนอื่นฟังแต่เขาจะเล่าแค่ส่วนที่คุณผิดและเขาไม่ผิด

เมื่อคุณเราตัดใครสักคนออกจากชีวิต เขาไม่เล่าเรื่องทั้งหมดให้คนอื่นฟังแต่เขาจะเล่าแค่ส่วนที่คุณผิดและเขาไม่ผิด

เมื่อคุณเราตัดใครสักคนออกจากชีวิต เขาไม่เล่าเรื่องทั้งหมดให้คนอื่นฟังแต่เขาจะเล่าแค่ส่วนที่คุณผิดและเขาไม่ผิด

         เชื่อว่าในชีวิตคนเราเมื่อต้องตัดใครสักคนออกจากชีวิตเรา แสดงว่าเราคิดดีแล้วกับการให้โอกาสให้เขาได้ปรับตัว ให้โอกาสให้เขาได้พยายาม และให้โอกาสให้เขาได้แก้ไขความผิดพลาด แล้วเราถือจะตัดเขาออกจากชีวิตเรา การที่เราตัดใครสักคนออกจากชีวิตเรา เชื่อว่าเขาจะไม่เล่าเรื่องทั้งหมดให้คนอื่นฟังแต่เขาจะเล่าส่วนที่เราผิดและเขาไม่ผิดเสมอ ซึ่งบทความนี้ทางผู้เขียนจะมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตที่จำเป็นต้องตัดใครสักคนออกจากชีวิตด้วยปัญหาในส่วนตัว

           เราชื่อ ตาโต (นามสมมุติ) เราได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เราเรียนอยู่ห้องเดียวกัน และสุดท้ายเราสองคนตกลงย้ายหอมาอยู่ด้วยกัน เพราะเราทั้งสองชอบอะไรที่เหมือนกัน แต่งตัวเหมือนกัน ทำอะไรคล้ายกัน แต่เรากับเขาไม่มีแฟนทั้งคู่ จนเราทั้งสองเรียนจบ หลังเรียนจบเราแยกย้ายไปทำงานคนละที่แต่มีเวลาไปหากันตลอดจนเรามีแฟน เราพาแฟนไปให้เพื่อนเรารู้จัก เวลาเพื่อนมีปัญหาเราจะให้แฟนช่วยเหลือเขาตลอดโดยที่แฟนเราไม่เคยปฏิเสธเราเลย จนมีวันหนึ่งเพื่อนเรามาบอกว่าเขาท้องแล้วเราก็ถามว่าท้องกับใคร เพื่อนบอกท้องกับแฟนเรา เมื่อเราได้ยินคำนั้นเราทำอะไรไม่ถูกเลยอีกคนเป็นแฟนเราส่วนอีกคนเป็นเพื่อนรักเรา เพื่อนก็ขอโทษกับสิ่งที่เขาทำผิดพลาดกับเรา แต่ด้วยความที่เขาเป็นเพื่อนเรา เราก็ให้อภัยเขาทั้งสอง แต่เราตัดเขาทั้งสองออกจากชีวิตเรา เพราะเราทำใจไม่ได้ที่ได้เห็นแฟนตัวเองและเพื่อนรักตัวเองได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งที่เราได้ยินจากปากคนอื่นเพื่อนเราจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนอื่นฟังแต่เขาเล่าแต่เรื่องที่เราเป็นคนผิด เป็นคนไม่ดี และเขาไม่ใช่คนผิด ซึ่งกระทำของเพื่อนเราครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่า

1.เราไม่ควรเล่าเรื่องส่วนตัวทั้งหมดให้ใครรู้

           การที่เราสนิทกับใครสักคนหรือคนที่เราไว้ใจเวลามีเรื่องอะไร จะเล่าสู่กันฟัง โดยที่เราลืมคิดว่าคนที่ฟังจะไปเล่าต่อให้คนอื่นหรือเปล่า การที่เราสนิทกับใครไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้เรื่องเราทั้งหมด เพราะเมื่อไหร่ที่เราตัดเขาออกจากชีวิตเรา เขาจะนำเรื่องราวทั้งหมดของเราไปเล่าต่อให้คนอื่นฟังแต่ในสิ่งที่เราเป็นคนผิดและเขาเป็นคนถูก

2.เราจะกลายเป็นผู้ร้ายในเรื่องเล่าของคนอื่นเสมอ

           แน่นอนว่าถ้ามีใครสักคนไปเล่าเรื่องราวของเราให้ใครต่อใครฟัง เขาจะเล่าแต่เรื่องที่เราเป็นคนฝ่ายผิดทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง เราจะกลายเป็นผู้ร้ายในเรื่องเล่าของคนอื่นและคนที่ฟังเรื่องเล่าก็จะตัดสินเราจากสิ่งที่ได้ฟังจากปากคนอื่นว่าเราเป็นคนผิดเป็นคนไม่ดีหรือเป็นคนเห็นแก่ตัว

3.ไม่มีใครพูดถึงความเลวของตัวเองให้คนอื่นฟัง

            แน่นอนว่าเวลาที่ใครสักคนเล่าเรื่องของเราให้คนอื่นฟังเขาจะพูดถึงเราในสิ่งที่ไม่ดี ในสิ่งที่ทำให้เราเสียหาย และเขาก็จะพูดถึงตัวเองในเรื่องที่ดี และเป็นคนที่ไม่ผิด ซึ่งทุกคนล้วนพูดให้ตัวเองดูดี ไม่มีใครที่จะพูดถึงตัวเองในเรื่องที่ไม่ดีให้ใครรับรู้ สิ่งที่สำคัญเราควรปล่อยวางเรื่องเล่าเหล่านั้น โดยที่เราจะรู้ตัวเราเองว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นความจริงหรืออะไรคือสิ่งที่ไม่เป็นความจริง

4.รับทุกความผิดในเรื่องเล่านั้นไว้

          การที่คนอื่นเล่าเรื่องที่ไม่ดีของเราให้คนอื่นฟังหรือให้คนอื่นรับรู้ เราไม่จำเป็นจะต้องไปบอกกับคนอื่นว่าเรื่องเล่าทั้งหมดเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง ไม่จำเป็นต้องไปบอกกับใคร ยอมรับความผิดกับเรื่องเล่าเหล่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วเรารู้ตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นความจริงหรืออะไรเป็นสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ปล่อยให้ระยะเวลาเป็นตัวกำหนดแล้วสักวันคนเหล่านั้นเขาจะแพ้พ่ายในตัวเขาเอง

       ดังนั้นจะเห็นว่าการที่เราได้ตัดใครสักคนออกจากชีวิตเราแน่นอนว่าเขาจะเล่าเรื่องทั้งหมดของเราให้คนอื่นฟังในสิ่งที่เราผิดและเขาเป็นคนถูกเสมอ คนเราไม่มีใครเล่าเรื่องของตัวเองในสิ่งที่ผิดให้ใครฟังแน่นอน ทุกคนล้วนพูดให้ตัวเองดูดีและพูดให้คนอื่นเสียหายอยู่เสมอ แต่สิ่งที่สำคัญเราไม่ควรที่จะนำเรื่องเล่าเหล่านั้นนำมาคิดมาก หรือไปบอกใครต่อใครว่าเรื่องเล่าทั้งหมดไม่เป็นความจริงยิ่งเราทำจะยิ่งทำให้เราเหนื่อยเปล่า เราควรปล่อยไปตามระยะเวลาของเรื่องเล่าเหล่านั้นแล้วเชื่อว่าสักวันคนเล่าจะเป็นคนแพ้พ่ายในคำพูดของตัวเองอย่างแน่นอน

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน
บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์