มาถึงตอนที่ 3 แล้วกับ "อาการเวียนหัวบ้านหมุน"
ที่ผู้เขียนพยายามร้อยเรียงจากประสบการณ์จริงของตัวเอง
เพื่อแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในตอนนี้อยู่เหมือนเข้าใจและสามารถบริหารจัดการอาการเวียนหัวบ้านหมุนนี้ได้ดีขึ้น
เพราะเจ้าโรคนี้ อาการแบบนี้ไม่ต้องดูกันที่อายุ แต่ดูที่การใช้ชีวิตเป็นหลัก
หลังจากที่ผู้เขียนเริ่มเรียนรู้จากการทานยาตามคุณหมอประจำเฉพาะทางสั่งมาให้ทานแล้ว ยังได้เข้าใจว่า "พฤติกรรม" เป็นสิ่งสำคัญในการเร่งและกระตุ้นให้อาการกำเริบ และเรื้อรังมาเป็นสิบปี
ผู้เขียนเป็นคนมีวินัยมากในเรื่องการทานยาตามแพทย์สั่ง แต่สำหรับการดูแลรักษาตัวตามคำแนะนำแพทย์นั้น ไม่เคยทำได้เลยสักข้อเดียว
(สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่ เวียนหัวบ้านหมุนคนวัยรุ่นก็เป็นได้ ตอนที่2 ทำแบบนี้สิแล้วชีวิตดีขึ้นแน่นอน)
เพราะด้วยบทบาทหน้าที่ในงาน ความรับผิดชอบต่าง ๆ ที่ต้องดูแลครอบครัวอีก เลยทำให้ไม่มีทั้งเวลาดูแลสุขภาพตัวเอง ทั้งอาหารการกิน รวมไปถึงการออกกำลังกายด้วย
เลยเป็นสาเหตุของความเครียดสะสม ทำให้นอนไม่หลับเป็นวัฏจักรหมุนวนไปแบบนี้ และนี่ก็คือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เจ้ากรรมนายเวรหลักของอาการเวียนหัวบ้านหมุนยังคงลอยตามติดตัวมาเป็นเงา
เมื่อเข้าใจแล้วว่าเกิดจากพฤติกรรมตัวเอง หลังจากนั้นจึงเริ่มปรับเปลี่ยนใหม่ โดย
1. ไม่เอางานกลับมาทำที่บ้าน รวมถึงไม่ทำงานดึกเกินเวลา หกโมงเย็น
เพื่อให้สมองได้เรียนรู้ว่าหมดเวลาใช้สมองแล้ว จะได้เริ่มเตรียมพักผ่อนได้ง่ายขึ้น สำหรับเวลาเลิกการทำงานที่ต้องใช้สมองตรงนี้ ท่านผู้อ่านคงต้องลองไปสังเกตพฤติกรรมตัวเองดูว่า หากทำงานถึงเวลาไหนแล้วทำให้การนอนหลับกลางคืนทำได้ยากขึ้น หรือยังคงคิดวนเรื่องงานอยู่ ก็ให้ค่อยๆ ลดระยะเวลาการทำงานดึกลงเรื่อย ๆ จนถึงเวลาที่เข้านอนได้โดยไม่มีความคิดเรื่องงาน และนอนหลับได้สนิทขึ้น
2. เข้านอนเป็นเวลา และไม่ดึกจนเกินไป คือ ควรนอนให้ได้ปริมาณที่เมื่อตื่นนอนขึ้นมาแล้วรู้สึกได้ว่าเป็นการนอนเต็มอิ่ม ตรงนี้อยากให้ท่านผู้อ่านได้ลองจับเวลาดู
เพราะปริมาณการนอนที่เพียงพอของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และขึ้นกับการหลับลึกด้วย
3. ออกกำลังกายเบา ๆ ในตอนเช้า เป็นการขยับแขนขาสัก 5 นาทีก่อนลุกจากเตียง และยืนแกว่งแขนอีก 50 ครั้ง เพื่อให้ร่างกายตื่นแบบกระปรี้กระเปร่า
4. ปล่อยวางในการทำงาน ไม่เอาเรื่องที่ทำงานกลับมาคิดต่อที่บ้าน บริหารจัดการทำงานให้เสร็จตามแผนในแต่ละวัน
และสุดท้ายคือ ทานอาหารที่ดี ๆ มีประโยชน์ต่อสุขภาพแต่รสชาติไม่จัดจนเกินไป ส่วนชากาแฟ ถ้าลดไม่ได้ก็ดื่มแต่พอเพียง วันละแก้วก็ไม่ได้มีผลต่อผู้เขียนในเรื่องการนอนเลย แต่ถ้าผู้อ่านสามารถตัดใจไม่ดื่มได้ก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น
ทั้งหมดที่แบ่งปันก็เป็นสิ่งที่ผู้เขียนปฏิบัติมาตลอดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นกำแพงไม่ให้อาการ "เวียนหัวบ้านหมุน" กลับมาทักทายอีก
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ลองนำไปปฏิบัติดูได้ผลยังไง ทักมาบอกกล่าวกันด่านล่างนี้ได้เลย หากมีวิธีอื่นที่ทำแล้วได้ผลดี ก็มาแนะนำก็บ้าง
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น