อานิสงส์ของการ “สวดมนต์” เปลี่ยนชีวืตให้ดีขึ้นได้ไหม?

อานิสงส์ของการ “สวดมนต์” เปลี่ยนชีวืตให้ดีขึ้นได้ไหม?

 

สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆ ท่าน เป็นยังไงกันบ้างครับ สบายดีกันบ้างไหมครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แล้วโรคระบาดก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นเลย ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ

 

อานิสงส์ของการ “สวดมนต์”คืออะไร? การ “สวดมนต์” จะสามารถทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้จริงไหม? แล้ว การ “สวดมนต์” ที่ถูกต้องถูกวิธีต้องทำอย่างไร?

 

วันนี้ผมจะมาขอเล่าประสบการณ์ตรงส่วนตัวที่พบเจอมากับ การ “สวดมนต์” นะครับผม หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆ ท่านนะครับผม

 

สำหรับส่วนตัวผมแล้วนั้น ปกติก็จะทำการสวดมนต์ ทำบุญ เข้าวัดเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งทำมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก จนถึงทุกวันนี้เลยนะครับ แต่ช่วงหลังๆ ที่เริ่มโตขึ้นเป็นวัยรุ่น วัยเกเร การสวดมนต์ ของผมนั้นก็เริ่มจะละเลยไป ทำมั้งไม่ทำมั้ง จนไม่ทำเลย เป็นระยะเวลานาน

 

หลังจากนั้น ชีวิตของผมเองก็เจอแต่สิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในชีวิต ทั้งคนไม่ดี การงานแย่ลง โดนคนรังแก การเงินก็เริ่มมีหนี้สิ้นมากมาย จนชีวิตแย่ลงไปมาก ในระยะหนึ่ง

 

ซึ่งหลังจากนั้นเอง ผมก็เริ่มทำการกลับมาสวดมนต์เป็นประจำอีกครั้ง โดยทำเป็นประจำทุกๆ วัน เป็นระยะเวลาหลายปี ซึ่งผลที่ได้นั้นก็คือ ชีวิตเริ่มดีมากขึ้น การงานเริ่มดีขึ้น การเงินก็เริ่มดีมากขึ้น ชีวิตเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ คนที่ไม่ดีทั้งหลายก็เริ่มจะหายไป

 

โดยส่วนตัวผมเองก็ไม่สามารถตอบได้หรอกนะครับ ว่าจริงๆ แล้วการสวดมนต์ มันจะทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือไหม แต่จากประสบการณ์ตรงของผมที่พบเจอมา การสวดมนต์สามารถทำให้ชีวิตของผมนั้นดีมากขึ้นจริงๆ และถ้าหากช่วงไหนที่ผมละเลยการสวดมนต์ไป สิ่งไม่ดีก็จะเริ่มเข้ามาในชีวิตตลอดทุกๆ ครั้ง จนต้องทำให้ผม ต้องทำการสวดมนต์เป็นประจำมา จนเท่าทุกวันนี้นั้นเอง ครับผม

 

ตัวผมเองคิดว่า จริงๆ แล้วการสวดมนต์ นั้น มีอะไรหลายอย่างที่ได้จากการสวดมนต์ นอกจากบุญกุศลที่ได้ ยกตัวอย่างเช่น มีสมาธิมากขึ้น, จิตใจที่มั่นคงมีสติมากขึ้น, คิดไตร่ตรองในการตัดสินใจมากขึ้น, ทำให้จิตใจสงบและใจเย็นมากขึ้น, มีจิตใจที่เบิกบานตลอดเวลา, ทำให้ความจำดีมากขึ้น และ อื่นๆ อีกมากมาย

 

การสวดมนต์ เป็นวิธีการสร้างสมาธิให้ตัวเราอีกวิธีหนึ่งที่ดีมากๆ ในขณะที่เราทำการสวดมนต์นั้น จิตใจเรา สมาธิเรา ก็จะอยู่กับเนื้อหาและความหมายของบทสวดมนต์ ซึ่งจะทำให้จิตใจเราไม่วอกแวก และฟุ้งซ่าน มีสมาธิ ซึ่งการที่เราไม่คิดวอกแวก หรือ ฟุ้งซ่านในเรื่องอื่นๆ นั้น ก็ทำให้เราได้บุญกุศล นั้นเองครับผม

 

สำหรับส่วนตัวผมแล้วนั้น การสวดมนต์ ไม่จำเป็นต้องกำหนดบังคับว่า ต้องสวดบทนั้นหรือบทนี้ ต้องสวดแบบนั้นแบบนี้ เพราะการที่เราบังคับ หรือมีกฏเกณฑ์ ในการสวดมนต์ ก็อาจจะทำให้จิตใจเราไม่นิ่ง เพราะมัวแต่กังวลว่าจะสวดถูกสวดผิดนั้นเองครับผม

 

ผมคิดว่าเราควรเลือกบทสวดมนต์ที่เราถนัดมากที่สุดก่อนในการเริ่มต้นแรกๆ พอเก่งแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มบทสวดอื่นๆ ตามมานะครับ ซึ่งช่วงแรกๆ นั้นอาจจะติดๆ ขัดๆ แต่หากเราทำทุกวันแล้ว ก็จะเก่งขึ้นได้เองครับผม

 

โดยตัวผมเองก็มีบทสวดมนต์ประจำเลยที่สวดนะครับ นั้นก็คือ บทสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย, บทสวดนมัสการบูชาพระพุทธเจ้า, บทสวดมนต์นมัสการไตรสรณคมน์, บทสวดอิติปิโส, บทสวดมนต์พุทธชัยมงคลคาถา, บทสวดมนต์พระคาถาชินบัญชร, บทสวดมนต์พระมหาจักรพรรดิ และ บทแผ่เมตตาทั่วไป เป็นต้น

 

ซึ่งจะทำเป็นประจำ ใช้เวลาสวดมนต์ในแต่ละครั้งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่ามีเวลาว่างมากแค่ไหน ผมเองก็จะสวดมนต์ ทีละหลายๆ จบ เช่น 3 จบ, 6 จบ หรือ 9 จบ เป็นต้น ครับผม

 

หากเพื่อนๆ มีเวลาว่าง ผมเองก็อยากจะชวนเพื่อนๆ มาสวดมนต์ กันเป็นประจำครับผม ลองทำดูนะครับ ทำแบบต่อเนื่อง แบบนานๆ หรือตลอดไปก็ดีครับ แล้วเพื่อนๆ จะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตแน่นอนครับผม