รู้จัก 4 สายพันธุ์โควิดกลายพันธุ์ ที่ประเทศไทยต้องระวัง
ความกังวลเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของประเทศไทยนั้น บอกได้เลยว่ายังคงน่าเป็นห่วง ด้วยจำนวนยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมโดยทั่วไปยังคงต้องป้องกันและเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัดไม่ให้ตนเองนั้นเป็นผู้ติดเชื้อ ไวรัสตัวร้ายที่ชื่อโควิดนั้น ทั่วโลกได้พบสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์แล้วจำนวน 11 สายพันธุ์ ในประเทศไทยเองก็มีสายพันธุ์โควิดกลายพันธุ์ด้วยเช่นกัน ระดับความรุนแรงนั้นถึงขั้นเสียชีวิต
สำหรับสายพันธุ์อันตรายในประเทศไทยที่ยังคงต้องเฝ้าระวังกันอย่างต่อเนื่อง จะมีด้วยกัน 4 สายพันธุ์ โดยมีชื่อเรียกและความรุนแรงของแต่ละสายพันธุ์ดังต่อไปนี้
- สายพันธุ์บราซิล (ชื่อเดิม) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ P.1 ชื่อใหม่ แกมม่า
- ลักษณะอาการ-ความรุนแรง: รุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง มีความสามารถแพร่ระบาดวนเวียนอยู่ในหมู่คนที่ได้รับวัคซีนแล้วได้ด้วย แม้พื้นที่นั้นๆจะมีการฉีดวัคซีนที่สูงก็ตาม (ลดประสิทธิภาพวัคซีน)
- 2 สายพันธุ์อังกฤษ (ชื่อเดิม) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ B.1.1.7 ชื่อใหม่ อัลฟ่า
-ลักษณะอาการ-ความรุนแรง: แพร่กระจายง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น 40-70% มีไข้ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป เจ็บคอ หายใจหอบเหนื่อย ปวดตามร่างกายและศีรษะ และการรับรส-ได้รับกลิ่นผิดปกติ
- 3. สายพันธุ์อินเดีย (ชื่อเดิม) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ B.1.617.2 ชื่อใหม่ เดลต้า
- ลักษณะอาการ-ความรุนแรง: ระบาดเร็ว แพร่เชื้อง่าย หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน (ทั้งนี้ประเทศไทยยังไม่เจอสายพันธุ์เดลตาพลัสเพิ่มเติม) จะมีอาการปวดหัว เจ็บคอ มีน้ำมูก ไม่ค่อยพบการสูญเสียการรับรส และอาการคล้ายเป็นหวัดธรรมดา
- 4. สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (ชื่อเดิม) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ B.1.351 ชื่อใหม่ เบต้า
- ลักษณะอาการ-ความรุนแรง: ระบาดรวดเร็ว แพร่เชื้อไวขึ้นราว 50% ลดประสิทธิภาพแอนติบอดี้ ทำให้มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เจ็บคอ ท้องเสีย ปวดศีรษะ ตาแดง รับรส-รับกลิ่นผิดปกติ และมีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี เมื่อโควิดลงปอด จะหายใจลำบาก หายใจถี่ มีเสมหะในปอด เจ็บหน้าอก และสูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว
นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์อื่นอีกที่เราควรเฝ้าระวัง หลีกเลี่ยงการไปสถานแออัด สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์อยู่เสมอ เพื่อป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น