ฎอลิบอยากเล่า : อีกฟากของอารมณ์คือหลุมดำที่่รอต้อนรับ

   นับเป็นเวลาหลายเดือนที่ผมไม่ได้เขียนบทความลงในเว็บ เนื่องจากหลายสาเหตุด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี แต่ก็ดีตรงที่ว่าได้มีเวลาไตร่ตรองให้เลือกเรื่องที่มาเขียนให้ผู้อ่านได้อ่านกัน บทความนี้เลยคิดว่าจะเขียนให้ยาวที่สุดเท่าที่ทำได้ ไหนๆไม่ได้เขียนมานานเลย

    ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมาย มีทั้งเรื่องดีและไม่ดีให้เห็นตามสื่อต่างๆ และเราก็เห็นได้ว่าความรุนแรงในสังคมกำลังเพิ่มขึ้นทุกๆวัน หรือไม่ก็เห็นเรื่องแปลกๆบนสื่อโซเชียวมีเดีย เรื่องทั้งหมดทั้งมวลในสังคมผู้อ่านทุกคนก็น่าจะทราบกันดีว่ามักมีต้นกำเนิดของความเลวร้ายซ่อนอยู่เบื้องหลัง  เราทุกคนก็มักจะตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า สังคมเราทุกวันนี้เป็นอะไรทำไมถึงโหดร้ายขึ้น ? หรือไม่ก็แปลกขึ้นผมจะพยามยกตัวอย่างไปทีละเรื่องในหลายๆมิติ แล้วคุณผู้อ่านจะเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมามีสิ่งนึงเป็นส่วนสำคัญในนั้น

   ผมอยากบอกหนึ่งเรื่องให้เข้าใจตรงกันกับผู้อ่านบทความนี้ทุกท่านก่อนว่า ทั้งตัวผมและทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าในทุกสังคมวันนี้ คนเริ่มไม่สนใจในเรื่องราวของศาสนาแล้วใช่ไหมละครับ บ้างก็สูญสิ้นในศรัทธาศาสนาของตัวเองจนค่อยๆกลายเป็นคนไร้ศาสนาไป อ่านมาถึงตรงนี้อาจมีบางคนงงว่า ฎอลิบ แล้วมันเกี่ยวกับศาสนาความเชื่อยังไง ใครจะเชื่อไม่เชื่อมีผลอะไรด้วยเหรอ ?

     มีแน่นอนครับ อยู่ใกล้เพียงขนตาของเราเลย ขึ้นอยู่กับว่าเราตั้งใจมองมันรึปล่าว ? ไม่เกริ่นมากไปกว่านี้ มาเริ่มที่เรื่องเล็กๆที่ส่งผลใหญ่กันก่อนดีกว่า นั่นคือเรื่องสุรา ยาเสพติด   ข่าวที่เห็นในทุกวัน มักจะมีสิ่งเหล่านี้เบื้องหลัง หากสังเกตจะเห็นว่าเมื่อสิ่งเหล่านี้เข้าปาก มักจะกลายเป็นข้ออ้างทันที เช่น ทำไมถึงชนเขาตาย ? เพราะเมา หากเป็นเรื่องของกรณีประมาทนั่นก็อีกเรื่องนะครับ ผมขอโฟกัสในจุดที่คนเรามีโอกาสไตร่ตรองได้ก่อน เพราะมันทำให้ผมสงสัยกับคนที่ชนคนตาย ใช้ยาเสพติดทำร้ายร่างกายหรือฆ่าคน มักจบด้วยคำว่า เพราะเมาเหล้าไม่ก็เมายา มันทำให้ผมหงุดหงิดว่า ก็ในเมื่อตอนก่อนกินเหล้าเมายา ก็มีสติดีไม่ใช่เหรอ ? ไม่มีใครบังคับซะหน่อย  แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ไตร่ตรองก่อนเสพสิ่งเหล่านั้นแสดงว่าเขาไม่ได้ฉุกคิดเรื่องบาปบุญคุณโทษแน่นอน คิดแต่เพียงว่า มันเป็นเรื่องของกู จะทำอะไรก็ได้ อย่าส.ใส่เกือกอ่านมาถึงตรงนี้ผู้อ่านน่าจะเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อได้ว่าคนเหล่านั้นเขาไม่มีความเชื่อแล้วแค่ ณ ช่วงเวลานั้น และหากคนเหล่านั้นปล่อยเนื้อปล่อยตัวเรื่อยไปย่อมส่งผลให้ความเชื่อถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง  ซึ่งคนที่หาทางออกแก้เครียดด้วยสิ่งเหล่านี้ก็มักจะเจอปัญหาคล้ายๆกันแต่ผลออกมาไม่ว่าจะทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนอื่นหรือถึงขั้นฆ่าตัวตาย

    ประเด็นต่อมาที่น่าสนใจสำหรับผม นั่นคือเรื่องของฆาตกรเจฟฟรี่ ดาร์มเม่อร์ ที่ผมสนใจเพราะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่ผมด่ำดิ่งไปกับคำว่า  อิสระ วาทะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอิสรภาพ ทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่เดือดร้อนใคร ไหนประเด็นเรื่อง LGBT รักไม่มีพรมแดน เป็นต้น ทั้งหมดที่เกริ่นมามันจะพาผมไปเจอขอบเขตของอิสระตรงไหนกันหากผมคิดแบบนั้น? สุดท้ายก็พบว่า ที่อีกฟากของคำเหล่านั้น มีหลุมดำขนาดใหญ่รอต้อนรับอยู่ครับ  ไม่รู้ว่าผู้อ่านคิดยังไงนะครับ แต่ผมรู้สึกแบบนั้น การที่ฆาตกรต่อเนื่องคนนี้แม้ว่าจะมีปมวัยเด็กที่ส่งผลให้เป็นแบบนั้น โดยส่วนตัวผมมองว่าฆาตกรโรคจิตคือบรรทัดฐานของการก้าวข้ามจากอิสระภาพสู่หลุมดำจริงๆ พวกเขาไม่เสียใจ ไม่กลัวความตาย ไม่มองว่าการฆ่าคือความผิด   ไม่เชื่อว่าเมื่อเขาตายไปจะต้องถูกสอบสวนหรือไม่ ไม่มองว่าการกระทำของตนคือการสร้างความเดือดร้อน พวกเขาคือคนที่หลงใหลไม่ก็มีความแค้น ส่วนเจฟฟรี่ต่างตรงที่เขาบอกว่ามีแนวคิดทฤษฎีนึงที่มีผลกับเขามากแต่ก่อนที่เขาจะกลับใจ ซึ่งน่าสนใจครับ เขาบอกว่า ตัวเขาเคยเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการชีวิตคนเรามาจากสไลม์ ตายไปกลายเป็นแค่ฝุ่นผงแค่นั้น ไม่มีอะไรต่อจากนั้นอีก แต่เขาบอกกับพ่อตัวเองว่า ขอบคุณที่พ่อบอกเรื่อง  creation science ทำให้รู้คุณค่าของสิ่งมีชีวิต และทุกคนต้องได้รับผลในการกระทำของตัวเอง https://www.youtube.com/watch?v=6tSxuyM93Js&list=WL&index=7 นาทีที่ 24.17

      ประเด็นต่อมาเรื่องของความรัก แน่นอนว่ามันก็มีหลายรูปแบบ เรามักจะได้ยินว่า ความรักไม่มีพรมแดน แค่คนสองคนรักกันมันเสียหายตรงไหน ผมจะพาผู้อ่านย้อนอดีตตอนที่ผู้คนในบ้านเมืองเราไปยุคที่ผู้คนรนณรงค์ให้ใส่ถุงยางกัน ตอนนั้นผมยังเด็กเลยจำไม่ค่อยได้มากเท่าไหร่ รู้แต่เพียงว่ามักมีประเด็นให้พูดถึงการโต้วาทีระหว่าง อยู่ก่อนแต่งแต่งก่อนอยู่ก็ว่ากันไป ยืดอกพกถุงนู่นนี่นั่น  โดยหวังว่ามันจะช่วยลดการติดโรคระบาดได้ อันที่จริงคุณผู้อ่านก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า การไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้ามในสถานการณ์2ต่อ2เลย ย่อมไม่ส่งผลให้เกิดความเสียง100%อยู่แล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ปัญหานั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม ปัญหาที่มาพร้อมกับอารมณ์ความรักและความใคร่ก็ยังอยู่ หนำซ้ำอาจแย่ลงเรื่อยๆ ขนาดกลุ่มที่นิยมไม่ใส่ถุงแล้วและก็เคยเป็นข่าวบนโซเชี่ยลก็เคยมีมาแล้ว หากเราเข้าไปเตือนก็จะโดนด่ากลับมาว่ากีดกันบ้าง นี่มันปีไหนแล้ว เมืองนอกเขาก็ทำกัน พอมีคนแย้งก็มักจบด้วยประโยคที่ว่า มันเป็นเรื่องของกู ก็จะทำอะไรก็ได้ อย่าส.ใส่เกือก

คุณผู้อ่านอาจรู้มาบ้างแล้วว่าอิสลามห้ามเรื่องการผิดประเวณี การอยู่กินกันก่อนแต่งเพราะมันจะนำไปสู่เรื่องชั่วร้ายที่คาดไม่ถึงมากมาย แต่ก็อย่างว่าแหละครับอารมณ์มันบังตา  เพียงแค่จุดเล็กๆจุดนี้มันก็ค่อยๆกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น ผมเคยอ่านจากเว็บไหนจำไม่ได้แล้ว หนึ่งในสาเหตุของการที่คนกลายเป็นเกย์เนื่องมาจากการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ พอเบื่อจากผู้หญิงเลยเปลี่ยนไปลองกับผู้ชาย จากนั้นยิ่งถลำตัวสุดท้ายไม่กลับมาอีกเลย ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณผู้อ่านจำได้ผมเคยพูดเรื่องทำไมอิสลามห้ามรักร่วมเพศแล้วซินะครับ  ใครยังไม่อ่านกลับไปอ่านได้นะ แต่คราวนี้ผมจะพาคุณผู้อ่านด่ำดิ่งไปสู่สุดขอบของอิสระบนปากเหวของหลุมดำกันกัน ในต่างประเทศมีคู่รักเพศเดียวกันหนำซ้ำเป็นฝาแฝดทำคลิปลงติ๊กต็อกด้วย ถ้าเราเอาคำที่บอกว่า ความรักไม่มีพรมแดน ไม่เดือดดร้อนใคร มาทาบกันดูจะเห็นว่ามันมีปัญหา เพราะสิ่งที่คู่รักแฝดทำมันก็ตรงตามนั้นนะ สองคนนั้นไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ปฎิกิริยาที่น่าสนใจคือคนที่รีแอคหรือคนที่คอมเม้นต์กลับรู้สึกแปลกและคลื่นไส้ มันสวนทางกันถูกไหมครับ(https://www.youtube.com/watch?v=kWJEDxOiv8Q&list=WL&index=2) นั่นก็เพราะในตัวคนเรามีสิ่งที่เรียกว่าสัญชาติญาณเดิมที่ไม่ปรุงแต่งอยู่ ในภาษาอาหรับเรียกว่า (فطرة) ฟิตเราะห์  จากที่เล่ามาคุณผู้อ่านพอเข้าใจแล้วใช่ไหมละครับว่าอารมณ์+อิสระมันค่อยๆลากเราสู่ขอบเหวหลุมดำ ซึ่งบางทีผมก็รู้สึกกังวลความคิดตัวเองนะทั้งหมดทั้งมวลที่ผมเล่ามา พอลองจินตนาการลองคิดแบบชุดความคิดแค่ ทำอะไรก็ได้ที่ไม่เดือดร้อนใคร ความอยากทั้งหมดมันเสนอเข้ามาในหัวผมเต็มไปหมด พร้อมคำคำถามสุดอันตรายประมาณว่า ทำไมต้องแคร์คนด้วยก็ไหนๆตายไปก็เป็นแค่ปุ๋ย แค่มีความสุขกับชีวิตก็พอแล้ว จะเอาอะไรมากกับชีวิต  คนอื่นๆเขาไม่คิดเยอะเลยเหมือนแกเลย ผมรู้สึกถึงความเป็นอิสระนะ แต่ในเวลาเดียวกันก็มีคำถามไปด้วยว่า มันจะไปสุดที่ไหน รู้สึกโหวงๆจัง กลัวหน่อยๆ จนรู้สึกเหมือนยืนปากหลุมดำอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นครับ มีโองการนึงที่น่าสนใจ อัลลอฮเคยบอกไว้ในอัลกุรอ่าน

(أَمَّا مَنْ خَافَ مَقَامَ رَبِّهِ وَنَهَى النَّفْسَ عَنِ الْهَوَىٰ) ( 40 )ความว่า และส่วนผู้ที่หวาดหวั่นต่อการยืนเบื้องหน้าพระเจ้าของเขา และได้หน่วงเหนี่ยวจิตใจจากกิเลสต่ำ

فَإِنَّ الْجَنَّةَ هِيَ الْمَأْوَىٰ ( 41 )ความว่า ดังนั้นสวนสวรรค์ก็จะเป็นที่พำนักของเขา

ซูเราะห์ นาซิอาต โองการที่ 40-41

    จากตัวอย่างที่ผมยกไปทั้งหมด สิ่งนั้นคือ อารมณ์และความอยากครับ อาจมีคนบอกว่า เห้ย ฎอลิบ ไม่ใช่ว่าทุกคนไม่มีศาสนาทำแบบนั้นซะหน่อย เขาก็สามารถเป็นคนดีได้  ถามสั้นๆคนดีของใคร ? ในเมื่อเราไม่สามารถเป็นคนดีในทุกสังคม เราอาจเป็นคนไม่ดีในสายตาของสังคมนั้นก็ได้ แม้ว่าเราเจตนาดีก็ตาม การเป็นคนดี ทำดีกับเพื่อนมนุษย์มันก็มาจากแนวคิดของศาสนาอยู่ดี เพราะศาสนาบนโลก ทุกศาสนาเขาก็บอกให้ทำดีกับเพื่อนมนุษย์กันทั้งนั้น ตัวคนที่เลิกสนใจศาสนาต่างหากยังคงมีร่องรอยของศาสนาตัวเองในอดีตติดตัวไปอยู่ ตรงจุดนี้มันจะกลายเป็นปัญหาลูกใหม่ในอนาคตในมิติด้านศีลธรรมความเชื่อมันจะเพิ่มสูงขึ้น ยกตัวอย่าง สมมุติว่าหากเด็กดูคลิปคู่รักเกย์ฝาแฝดบนติ๊กตอก  แล้วเขาเกิดรู้สึกชอบพี่น้องตัวเองขึ้นมาจริง ผมคิดว่า คนที่ละทิ้งศาสนาเหล่านั้นไม่สามารถตอบได้ ตอบได้เพียงมันไม่ได้ มันผิดศีลธรรม  เขาก็ถามมันผิดตรงไหนมันกินได้ไหม หน้าตาเป็นยังไง ผมรักน้องชาย/น้องสาว/พี่ชายพี่สาว ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และความรักแบบนี้ก็มีมาก่อนแล้วหลายพันปีก่อนด้วย คู่รักเพศเดียวกันก็เช่นเดียวกัน  นี่ขนาดแค่เรื่องสมมุตินะเนี่ยะ (ถ้าเป็นแบบนั้นมนุษย์คงไม่ได้ก้าวข้ามอดีตเลย ย้อนหลังด้วยซ้ำแบบนี้)

      ด้วยเหตุนี้สิ่งที่อิสลามห้ามปรามยืนยันและบอกมาตลอดก็เพื่อไม่มนุษย์ลงไปในหลุมดำนั้น น่าเศร้าก็คือพวกเขาไม่คิดไตร่ตรองด้วยซ้ำ ในฐานะคนเขียนบทความธรรมดาๆคนนึงอยากบอกว่า อย่าละทิ้งศาสนาและอย่าเดินตามอารมณ์เลยครับ ไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะได้เจออะไรที่แปลกกว่าที่ผมเขียนในบทความนี้ ในยุคที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้คนหมดความเชื่อของตัวเองหรืออยู่ท่ามกลางความสับสน ผมก็ขอให้พบความสงบในจิตใจ ค้นพบสัจธรรมที่แท้จริง แล้วเจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ อัสสลามมุอะลัยกุม

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน

ผมฎอลิบครับ ผมมีเรื่องอยากเล่าให้ผู้อ่านฟังมากมาย

บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์