บาทหลวง vs กษัตริย์จะเกิดอะไรขึ้น

ใครที่เรียนประวัติศาสตร์และสนใจวรรณกรรมคงจะรู้กันดีว่าศูนย์กลางศาสนาคริสต์หรือคริสศาสนจักรคือประเทศอิตาลี ได้มีนักบวชเทียร์ชอว์ โรมาโรเน่ผู้มีนิสัย สมรรถะ เรียบง่าย วันๆไม่สนใจอะไรนอกจากการสวดมนต์และขอพรพระเจ้า ได้ไปถูกตาต้องใจขุนนางชั้นสูงและกษัตริย์องค์หนึ่งเข้า จึงถูกเสนอให้รับเลือกตำแหน่งโป๊บหรือสันตะปาปา

ซึ่งสันตะปาปาในสมัยนั้นก็ทำหน้าที่เหมือนกับนายกส่วนกลางของสมัยนี้ คือนอกจากจะเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนแล้วก็ต้องทำงานการเมืองด้วย แต่เทียร์ชอว์หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นสันตะปาปา ในนาม เซเลสทีนที่ 5 แล้ว แกก็ไม่สนใจอะไรนอกจากสวดมนต์อย่างเดียว สวดมนต์ทั้งวัน สร้างความไม่พอใจให้กับโป๊บคนอื่นๆเป็นอย่างมาก

เซเลสทีนที่ 5 จึงเสนอตัวที่จะลาออก ซึ่งก็สร้างความไม่พอใจให้สันตะปาปาองค์อื่นอีกเพราะมองว่าตำแหน่งนี้คือเกียรติยศชั้นสูง ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นก็เป็นได้ ต้องได้รับการแต่งตั้งมาก่อนจากกษัตริย์และคนมียศสูง และที่สำคัญคือไม่มีโป๊บคนไหนเคยลาออกมาก่อนจากตำแหน่งในคริสตจักร พระสันตะปาปาเซเลสทีนที่ 5 ก็เลยเขียนกฏขึ้นมาใหม่ให้พระสันตะปาปาสามารถลาออกได้ เพราะตัวเองก็ไม่ได้ต้องการตำแหน่งหน้าที่นี้อยู่แล้ว

หลังจากลาออกจากตำแหน่งพระสันตะปาปาไป คนที่ขึ้นมาทำหน้าที่โป๊บต่อจากเซเลสทีนที่ 5 ก็คือบอนิเฟซที่ 8 ซึ่งบอนิเฟซที่ 8 เนี้ยก็มาจากตระกูลขุนนางชั้นสูง มีเส้นสาย มีน้องชายที่มาจากตระกูลใหญ่ ต้องการอำนาจทางศาสนามาไว้ในมือเพื่อลงเล่นการเมืองในโลกภายนอกอยู่แล้ว

ซึ่งในยุคสมัยที่ขึ้นมาทำหน้าที่และรับช่วงต่อจากพระสันตะปาปาเซเลสทีนที่ 5 ก็เป็นธรรมดาที่จะโดนเปรียบเทียบกันอยู่แล้ว และประชาชนก็เริ่มไม่พอใจโป๊บคนใหม่คนนี้ เขามองว่าโป๊บคนนี้เป็นคนที่มาขโมยตำแหน่ง เป็นโป๊บเถื่อน โดยมีแกนนำคือตระกูลโคโรน่า ซึ่งมาจากตระกูลขุนนางใหญ่เหมือนกัน

โป๊บบอนิเฟซที่ 8 ก็เริ่มไม่พอใจในการเปรียบเทียบ การติแล้ว และเริ่มมองว่าโป๊บคนก่อนเนี้ยคือศัตรูของเขา เลยมีการสั่งทหารให้จับพระสันตะปาปาองค์ก่อนหรือเซเลสทีนที่ 5 มาขังเดี่ยว ซึ่งหลังจากถูกขังเป็นเวลา 10 เดือน พระสันตะปาปาคนก่อนหรือเซเลสทีนที่ 5 ก็ได้เสียชีวิตลงในวัย 80 ปี ซึ่งลือกันว่ามีการทรมานระหว่างที่ถูกสั่งขังเดี่ยวด้วย

กษัตริย์ฟิลลิปที่ 4 เป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสที่รบเก่ง ต้องการเงินเพื่อไปทำสงครามกับอังกฤษ แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไรก็ไม่เคยพอค่าอาวุธและค่าทหารเลย วีรกรรมของนักรบคนนี้ก็มีตั้งแต่ขึ้นภาษีประชาชน ยึดทรัพย์สมบัติและไล่ที่ชาวยิว และเป้าหมายต่อไปก็คือสมบัติของศาสนจักรที่อยู่กรุงโรมของประเทศอิตาลีนั้นเอง

ก็ได้ส่งหนังสือเบิกเงินต่อเนื่องจนโดนจนหมายเตือนจากโป๊บบ่อยๆว่า สมบัติในคลังที่ให้ไปเนี้ยต้องใช้เพื่อศาสนาและการช่วยเหลือทางโลกเท่านั้น จะนำมาใช้ส่วนตัวไม่ได้ แต่กษัตริย์ฟิลลิปที่ 4 ก็ไม่ฟังนะ จนโป๊บขู่ว่าจะขับไล่ออกจากศาสนา ประมาณว่าตายไปแล้วจะไม่มีสิทธิ์ได้พบพระเจ้าอะไรประมาณนั้น ซึ่งพระเจ้าฟิลลิปที่ 4 รออยู่แล้ว ก็เลยร่วมมือกับโคโรน่าและประชาชน กล่าวหาว่าบอนิเฟซที่ 8 เป็นโป๊บเถื่อน เป็นโป๊บที่แย่งตำแหน่งมา และก็ทำการประหารโป๊บคนนี้

ปกติประชาชนจะออกมาลุกฮือ ไม่เห็นด้วยและต่อต้านนะ แต่ในครั้งนี้ประชาชนกลับวางเฉยมาก หลังจากประหารโป๊บบอนิเฟซที่ 8 แล้วก็นำศพของพระสันตะปาปาคนนี้มาเผาด้วยแทนที่จะฝังตามธรรมเนียมประเพณีปกติของชาวคริสต์ ซึ่งถือว่านี้เป็นการงัดข้อครั้งแรกระหว่างกษัตริย์และศาสนจักรเลย

เพราะปกติกษัตริย์จะเกรงพระสันตะปาปา จะทำอะไรก็ต้องเกรงใจโป๊บเพราะทุกคนอยู่ในอำนาจของพระเจ้า และโป๊บหรือพระสันตะปาปาก็คือคนที่ทำงานในตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุด คนสมัยนั้นเชื่อกันแบบนั้นนะ แต่หลังจากที่พระเจ้าฟิลลิปที่ 4 ทำแบบนี้ ศาสจักรก็มีความหวั่นเกรงพระเจ้าฟิลลิปที่ 4 ขึ้นมาก 

ชนิดที่คนที่มาดำรงตำแหน่งเป็นโป๊บต่อจากพระสันตะปาปาบอนิเฟซที่ 8 หรือเบเนดิกต์ที่ 11 เนี้ย หวั่นเกรงมากจนยอมอ่อนข้ออย่างเห็นได้ชัดให้กับกษัตริย์ของฝรั่งเศส จนโป๊บองค์นี้ถูกวางยาพิษและตายอย่างเป็นปริศนาเลยจากฝีมือคนภายในศาสนจักรเดียวกัน

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน
บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์