ทำความเข้าใจประเด็นศาสนาผ่านเนื้อหาของข่าว

สวัสดีครับ ผมฎอลิบ คำๆนี้ในภาษาอาหรับแปลว่า นักเรียน ตัวผมเป็นมุสลิมธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่มีอายุน้องกว่าศาสนาตั้ง 1400 กว่าปี  ผมไม่สามารถเข้าใจศานาทั้งหมดได้เพราะผมเป็นนักเรียน ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ และผมจะเป็นนักเรียนตลอดไป แต่ภึงเป็นนักเรียนผมอยากเขียนบทความนี้ให้ผู้อ่านเข้าใจ เหมือนเพื่อนบอกเพื่อน

บทความแรกที่ผมอยากเล่าเลย คือข่าวของเด็กหนุ่มอินโดที่อดีตแฟนลั่นขอเป็นเจ้าสาว ข่าวนี้ผ่านมาได้ 2-3 วันแล้ว เป็นเรื่องยอดฮิตของคนต่างศาสนิกที่พอเห็นข่าวทำนองนี้ ก็จะบอกว่า อ๋อ อิสลามอนุญาตมีภรรยาได้สี่คน   มีคนคอมเม้นต์มากมาย บ้างคนก็มองไปในทางที่อิจฉาบ้าง ประชดประชัน และอื่นๆอีกมากมายเลย  (https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_6535703)

ประเด็นแรก

ที่ผมอยากให้เข้าใจตรงกันก่อนคือ ในอิสลามการแต่งงานนั้น ถือเป็นสัญญาแบบหนึ่งในการอยู่ร่วมกันของชายและหญิง เป็นสิ่งที่ศาสนาอุนมัติ เมื่อทั้งสองแต่งงานกัน ต่างก็ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบของตน  เรื่องแต่งงานจึงเป็นเรื่องใหญ่มากๆ  เมื่อพวกเขามีลูก ทั้งสองก็ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู อบรมให้เด็กโตขึ้นมาไม่บกพร่องในหน้าที่ต่อพระเจ้าและเป็นคนดีของสังคม

ประเด็นที่สอง

แล้วแบบนี้เขาก็ต้องเรียกว่ามีเมียน้อยไม่ใช่เหรอ ต่างกันยังไงล่ะ ช่างมักมากในกามจริงๆ  ผมขอบอกว่าต่างครับ ผู้อ่านจำได้ไหมครับว่าก่อนหน้านี้ผมบอกว่า “ในอิสลามการแต่งงานนั้น ถือเป็นสัญญาแบบหนึ่ง”  การที่ผู้ชายแอบไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยาของตนและไม่เคยแต่งงานกัน แบบนี้แหละครับ เรียกว่า มีเมียน้อย เขามีภรรยาอยู่แล้วแต่ยังฝ่าฝืน ในอิสลามหากชายแบบนี้ต้องถูกพิจารณาตัดสิน มีพยานที่พูดจริงสี่คนยืนยันว่าเห็นจริง เขาคงต้องถึงขั้นโดนขวางหินจนตาย หากเป็นผู้หญิงเองหากเล่นชู้ก็ถูกตัดสินบทลงโทษแบบเดียวกัน อ่านมาถึงตรงนี้ในใจคงคิด หูย แรงอ่ะ ป่าเถื่อนที่สุด รับไม่ได้ โหดเหี้ยมเกิน แต่เดี๋ยวก่อน เอาเข้าจริงๆในทางปฎิบัติตามประวัติสมัยท่านนบีมุฮัมมัด เคยลงโทษเหมือนกันครับแต่น้อยมากๆ  ผมแนะนำเรื่องของคนนี้ครับ เขาขื่อ มาอิซ บินมาลิก(ماعز بن مالك الأسلمي) เขามาหาท่านนบีและขอให้นบีชำระความผิดของเขาถึงสี่รอบ ตอนแรกท่านปฎิเสธไปว่า ท่านขออัลลอฮโดยให้อภัยตรงเลย แต่มาอิซบอกว่า เรื่องผิดประเวณีครับ ท่านนบีถามว่า เจ้าบ้ารึปล่าว? เขาตอบว่าเปล่าว นบีถามต่อว่า เจ้าเมามาใช่ไหม เขาตอบว่าไม่พร้อมยืนยันว่าปากของเขาไม่มีกลิ่นเหล้า ท่านนบีถามทำซินาจริงๆเหรอ เขาตอบว่า จริงครับท่านนบี บางสายรายงานบอกอีกว่า ท่านนบีพยามแก้ต่างให้เขาว่า บางทีท่านอาจไม่ได้ทำถึงขั้นนั้นก็ได้ เขาตอบว่า ไม่ครับ ผมทำจริงๆ สุดท้ายเขาก็ถูกลงโทษ มาอิซมองว่าโดนบทลงโทษในโลกนี้ดีกว่าโดนพระเจ้าลงโทษในโลกหน้าแน่นอนเขาถึงมาบอกตรงๆกับท่านนบี เรื่องที่ผมเล่าไปมองด้หลายมุมเลย ลองไปคิดดูนะครับว่ามุมไหนป่าถื่อนกว่า หากชายคนนึงเขาไม่สนใจอะไร มองว่าการที่เขาทำแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ  ไม่ผิด เราผู้ชาย ได้เรื่อยๆอยู่แล้วกี่คนก็ได้ แล้วเราที่เป็นภรรยามองว่า เป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายเขาอยากปลดปล่อย ปล่อยเขาไป ผมก็เลยคิดว่าสังคมที่มีมุมมองในเรื่องการแต่งงานแบบนี้จะมีค่าอะไรครับ ? หลายครอบครัวหย่าร้างเพราะจุดเล็กๆที่มองไม่เห็นนี้ หลายครอบครัวเติบโตและเห็นตัวอย่างทำแบบนี้  ช่างน่าสงสารเด็กที่เกิดมาว่าไหมครับ

ประเด็นที่สาม 

งั้นหนุ่มอินโดคนนี้ก็โชคดีสิ  ผมขอบอกว่าอาจไม่โชคดีครับ  เพราะเขาได้ทำสัญญาเพิ่มอีก เท่ากับว่า เขาต้องรับผิดชอบมากขึ้นเป็นสองเท่า หากเขาดูแลไม่มีความเป็นธรรม เขาย่อมได้รับผลตอบแทนในสิ่งที่เขารับผิดชอบในวันสอบสวน และหากเขามีความเป็นธรรมเขาก็ได้ผลตอบแทนในวันสอบสวนเช่นกัน เพราะเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องของสัญญา ความรับผิดชอบ หน้าที่ เป็นที่ไม่ควรมองเล่นๆเลยครับ ในคัมภีร์กุรอ่านอัลลอฮบอกในซูเราะห์ฮะซาบ อายะห์ที่72 ว่า

 

إِنَّا عَرَضْنَا الْأَمَانَةَ عَلَى السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَالْجِبَالِ فَأَبَيْنَ أَن يَحْمِلْنَهَا وَأَشْفَقْنَ مِنْهَا وَحَمَلَهَا الْإِنسَانُ ۖ إِنَّهُ كَانَ ظَلُومًا جَهُولًا

 

แท้จริงเราได้เสนอการอะมานะฮฺ แก่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และขุนเขาทั้งหลาย แต่พวกมันปฏิเสธจะแบกรับมันและกลัวต่อมัน (คือภาระอันหนักอึ้ง) และมนุษย์ได้แบกรับมัน แท้จริงเขา (มนุษย์) เป็นผู้อธรรมงมงายยิ่ง

 

และอ่านอัลลอฮบอกอีกในซูเราะห์มุดดัรซิร อายะห์ที่ 38 ว่า   كُلُّ نَفۡسِۭ بِمَا كَسَبَتۡ رَهِينَةٌ  

 

38. แต่ละชีวิตย่อมถูกค้ำประกันกับสิ่งที่มันขวนขวายไป

 

สรุป

การที่เราคิดจะทำอะไร มองอะไร มีมุมมองแบบไหนต่อตัวเราหรือสิ่งรอบๆตัว เราควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนครับ  หากมีเรื่องผิดพลาดประการใด ผมขออภัยด้วยครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบทความแรกที่ผมเขียนครับ