10 ข้อที่ควรรู้ก่อนไปอยู่อเมริกา

10 ข้อควรรู้ก่อนเดินทางมาสหรัฐอเมริกา


เชื่อว่าประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนสักครั้งในชีวิต บทความนี้อิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา

จึงอยากจะแชร์ข้อมูลต่อให้กับผู้ที่สนใจ หรือกำลังศึกษาหาข้อมูลต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเดินทางมาอาศัยอยู่ในดินแดนถิ่นพญาอินทรีย์ 10 ข้อนั้นจะมีอะไรบ้าง? เชิญทางนี้เลยค่ะ


1. สมัครแอคเค้าท์ของ Uber/Lyft

ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหนก็ตามในสหรัฐอเมริกา มี Uber ไว้อุ่นใจกว่าเยอะค่ะ เพราะถ้าใช้บริการแท็กซี่ในสนามบิน (Yellow Car) อาจจะโดนคิดค่าโดยสารที่โหดและแพงเกินความจำเป็น ถ้าเป็นไปได้ให้สมัครไว้ตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทยเลยจะดีที่สุดค่ะ


2. ภาษี

ในที่นี้หมายถึง ภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เมืองไทยก็คือ VAT แต่ที่อเมริกาจะเรียกว่า Sale Tax ค่ะ ซึ่ง Sale Tax ในแต่ละรัฐจะแตกต่างกัน ดังนั้นเราจะเห็นว่าสินค้าชนิดเดียวกันที่นำมาวางขายในแต่ละรัฐ ราคาจะไม่เท่ากัน เช่น บุหรี่ หากคุณซื้อบุหรี่ยี่ห้อมาโบโร่ที่รัฐ New York อาจจะตกซองละ $13.5 แต่ถ้าหากคุณข้ามไปซื้อที่รัฐ New Jersey อาจจะราคาตกซองละ $7-$8 เป็นต้น


3. กฎหมาย

ที่อเมริกาจะมี กฎหมายกลาง ที่บังคับใช้เหมือนกันหมดทั่วประเทศและ กฎหมายรัฐ ที่กำหนดใช้เฉพาะพื้นที่ รัฐใครรัฐมัน โดยกฎหมายรัฐตรงนี้จะแยกออกจากกฎหมายกลางอย่างชัดเจนค่ะ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละรัฐจะไม่เท่ากัน (แต่กำหนดค่าแรงขั้นต่ำทุกๆ รัฐต้องไม่ต่ำกว่าชั่วโมงละ $7.25) นอกจากนี้ก็จะมีกฎจราจรที่ไม่เหมือนกัน บางรัฐเห็นสัญญาณไฟเหลืองให้เตรียมหยุด แต่ขณะเดียวกันบางรัฐหมายถึงให้เหยียบคันเร่งเต็มที่เมื่อเจอสัญญาณไฟเหลือง หรือในบางรัฐ ถ้าหากคุณจะเลี้ยวขวาต้องเข้าเลนกลางเท่านั้น และช่องขวาสุดมีไว้เพื่อกลับรถอย่างเเดียว (งงค่ะ)


4. เปิดเบอร์ค่ายไหนดี?

ในอเมริกามีเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์เยอะพอสมควร แต่ว่าค่ายยักษ์ใหญ่เป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ AT&T และ T-Mobile เนื่องจากเป็นซิมส์การ์ดที่รองรับโทรศัพท์จากทั่วโลก ไม่ต้องไปนั่งปลดล็อคเครื่องให้เสียเวลา อีกค่ายคือ Verizon แต่ไม่รองรับเครื่องจากต่างประเทศ หากซื้อโทรศัพท์ที่เมืองไทย จะใช้เครือข่ายของ Verizon ไม่ได้ ต้องเป็นเครื่องที่ซื้อในอเมริกาเท่านั้น ซึ่งโปรโมชั่นในแต่ละค่ายราคาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก


5. คนผิวสี ≠ Colour Skin

ห้ามพูดคำว่า Color Skin กับคนผิวดำเด็ดขาด! ที่เมืองไทยเราอาจจะติดนิสัยและคุ้นชินกับการเรียกคนผิวสี แต่ที่อเมริกาไม่ใช่ค่ะ ถ้าเจอคนผิวดำก็ให้พูดว่า Black People, Black guy, Black girl อะไรก็ว่าไป แต่ห้าม Colour
เพราะเค้าถือว่าเป็นการเหยียดค่ะ (Racist)


6. Return สินค้า

หากเราไปช้อปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ไม่ว่าจะซื้อที่สโตร์ หรือว่าสั่งสินค้าออนไลน์ หากเราไม่ชอบหรือใส่ไม่ได้ สามารถคืนสินค้าได้ แล้วเค้าก็จะทำการ Refund คืนเงินให้เราแบบเต็มจำนวนเลยค่ะ แต่มีกำหนดระยะเวลาในการคืนสินค้านะคะ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 14-90 วัน


7. เวลา

นอกจากภาษีและกฎหมายจะแตกต่างกันแล้ว เวลาก็เช่นกันค่ะ เนื่องจากสหรัฐอเมริกามีพื้นที่ที่กว้างใหญ่มากๆ จึงมีการแบ่งเขตและกำหนด Time Zone ที่แตกต่างกันออกไป เช่น เวลาที่นิวยอร์กจะเร็วกว่าแคลิฟอร์เนีย 3 ชั่วโมง


8. ระวังมิจฉาชีพในรูปแบบ Scammer!

Scammer หลายๆ คนคงจะทราบกันดีว่ามันคือมิจฉาชีพทางไซเบอร์ อาจจะแฮ็คข้อมูลของเรา เช่น ธุรกรรมทางการเงิน เอาหมายเลขบัตรเครดิตของเราไปใช้ เพราะฉะนั้นหมั่นตรวจ Transaction ในบัญชีของคุณตลอดเวลา หากเจอการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือคุณไม่ได้ทำรายการนั้นๆ ให้รีบติดต่อแจ้งธนาคารทันที หรือสามารถเข้าไปล็อคบัตรไม่ให้ใช้งานชั่วคราวได้ทางบัญชีออนไลน์ของเรา (ไม่แน่ใจว่าเมืองไทยมีฟังก์ชั่นนี้รึเปล่า) แต่ความโชคดีที่บ้านเราไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับ Scammer สักเท่าไหร่นัก ซึ่งในอเมริกาปัญหานี้คือจัดอยู่อันดับต้นๆ เลยค่ะ



9. สุนัขคือมิตรแท้

หากคุณเป็นคนที่รักสุนัข รับรองว่ามาอยู่อเมริกาจะไม่ผิดหวังเลยค่ะ เพราะที่นี่เค้าเลี้ยงสุนัขเหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว แต่ก็เคร่งครัดในเรื่องของการดูแลและระเบียบวินัยของเจ้าของสุนัขด้วย ที่นี่เค้าจะมีบริการ
Service Dog ด้วยค่ะ ก็คือสุนัขเหล่านั้นจะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี เช่น ช่วยเดินจูงคนพิการตาบอด หรือแม้แต่ในกองทัพทหาร จะมีการฝึกสุนัขไว้ออกไปร่วมสมรภูมิรบด้วยเช่นกัน และที่นี่มีบริการ Dog Sitter ด้วยค่ะ คล้ายๆ กับงานแนนนี่เลี้ยงเด็ก แต่เปลี่ยนไปเลี้ยงสุนัขแทนค่ะ ใครที่เป็น Dog Person (คำนี้แปลว่าคนรักสุนัขนะคะ..ไม่ใช่คนนิสัยสุนัข) ก็สามารถทำงานนี้เป็นอาชีพเสริมได้เช่นกันค่ะ


10. เมืองหลวงของอเมริกา

เมืองหลวงของสหรัฐฯ ไม่ใช่นิวยอร์ก ไม่ใช่แคลิฟอร์เนียหรือว่าแอลเอ.. แต่คือกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และห้ามสับสนกับรัฐวอชิงตันเด็ดขาด รัฐวอชิงตันจะอยู่ทางเหนือติดกับประเทศแคนาดาโน่นเลยค่ะ สำหรับกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า ดีซี เป็นเมืองอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างรัฐแมรี่แลนด์ และ เวอร์จิเนีย แต่ว่าดีซี จะไม่ขึ้นตรงต่อรัฐไหนทั้งสิ้น

เป็นเมืองที่สำนักงานใหญ่ระดับชาติไปรวมศูนย์กันอยู่ที่นั่นไล่ไปตั้งแต่ทำเนียบขาว Supreme Court เพนตากอนกลาโหม กองทัพทุกเหล่า CIA FBI IRS ที่ทำการทุก
กระทรวง กงสุล/สถานทูตสาขาใหญ่ของทุกชาติ รวมตัวกันอยู่ที่ดีซีหมดเลยค่ะ และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไม ดี.ซี. ถึงไม่ขึ้นตรงต่อรัฐใดทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อความยุติธรรมในการกระจายอำนาจไม่ให้มากระจุกอยู่ที่เมืองหลวงเท่านั้น ดังที่
เราเห็นได้ชัดเจนว่าเมืองท่าใหญ่ๆ ของสหรัฐอเมริกาจะอยู่
กระจายตัวกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น New York City, Los Angeles, Chicago และ Miami แต่ละสถานที่ที่กล่าวมานี้ ไม่มีเมืองไหนอยู่ใกล้กันเลย



หวังว่าทั้ง 10 ข้อนี้คงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านและผู้ที่สนใจเกี่ยวกับประเทศสหรัฐอเมริกามากขึ้น เมื่อมาถึงแล้วอาจจะช่วยได้ในเรื่องของ Culture Shock ไม่ให้เกิดขึ้นบ่อยหรือนานจนเกินไป แต่ใดๆ การปรับตัวและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาจะสามารถช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ


สำหรับวันนี้.. ต้องลาไปก่อน
ขอขอบคุณ และ สวัสดีค่ะ

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน
บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์