3 คนสำคัญ ที่เรา...ต้องให้การยอมรับและนับถือ

บทความ ATC 5   3 คนสำคัญ ที่เรา...ต้องให้การยอมรับและนับถือ

                                                                                                                                                      โดย  นายณัฏ ( Ninenatt )

                  มีผู้คนมากมายได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์เป็น “สัตว์สังคม” ซึ่งมีความหมายว่า มนุษย์ หรือ คนนั้นต้องสามารถ อยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ หรือที่เรียกกันว่าอยู่ในสังคมนั่นละครับ  สังคมที่เล็กและสำคัญที่สุดก็คือ ก็น่าจะเป็น“สังคมครอบครัว” และมีสังคมอีกหลายระดับมากมายที่คนเราต้องอยู่และทำกิจกรรมร่วมกัน  แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องพบต้องเจอในสังคมก็คือ ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน การพูดจา การแสดงออก ที่ไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน บางครั้งอาจลุกลามบานปลายจนกลายเป็นความขัดแย้งซึ่งยากจะแก้ไขได้  สาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งก็คือ การไม่ให้การยอมรับ นับถือซึ่งกันและกัน จะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม  เป็นผลให้มีการแสดงออกที่ไม่ดี ไม่งาม  ดั่งที่เราเห็นกันบ่อย ๆ  มีผลทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคม ไม่มีความสุข เท่าที่ควรจะเป็น การที่เราจะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้นั้น พื้นฐานสำคัญต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีความเชื่อถือ ให้การยอมรับ และนับถือซึ่งกันและกัน  แต่บุคคลไหน หรือใครล่ะ   ที่เราต้องให้การยอมรับและนับถือ  ผมมีความเชื่อว่าหากเราให้การยอมรับและนับถือคนสำคัญเพียง 3 คนนี้ได้ เชื่อว่าปัญหาจะสามารถแก้ไขได้ และสังคมจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ลองมาดูกันครับ

3 คนสำคัญ ที่เรา...ต้องให้การยอมรับและนับถือ

                   คนแรก ที่เราควรจะให้การยอมรับและนับถือ ก็คือ “ ผู้อาวุโสด้วยวัยวุฒิ ” นะครับ ความหมาย ก็คือ เราต้องให้การยอมรับและนับถือ ในผู้ที่มีอายุมากกว่าเรา  เอาง่าย ๆ คนที่อายุมากกว่าเรา เกิดก่อนเรา แก่กว่าเรา เขาต้องเป็นพี่เราเสมอ ถ้าเรารู้ว่าใครที่อายุมากกว่าเรา ให้เราทำใจ ยอมรับและนับถือไว้ก่อน ส่วนจะถึงให้การเคารพหรือไม่นั้น ค่อยว่ากันอีกที  ธรรมชาติของมนุษย์หากมีใครมาเรียกว่า “ พี่ ” ก็จะรู้สึกดีไว้ก่อน ก็พร้อมที่จะพูดคุยด้วย การมีปฏิสัมพันธ์ก็จะราบรื่นไปด้วย  แต่หากมีใครคนใดคนหนึ่งมาเรียกเราว่า “ น้อง ” หรือ “ไอ้น้อง ” เราอาจจะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ทั้ง ๆ ที่เราก็ยังไม่รู้ว่าคนที่มาเรียกเรา อายุมากหรือน้อยกว่าเราก็ตาม   เอาเป็นว่าการที่เรายอมรับและนับถือผู้ที่มีอายุมากกว่าเรา ให้การเคารพ นับถือ ยกมือไหว้  ก็คงจะไม่เสียหายอะไรมากนัก ท่านผู้อ่านว่าจริงไหมครับ

                    คนที่สอง คนนี้สำคัญจริง ๆ เราต้องให้การยอมรับและนับถือ “ผู้อาวุโสจากตำแหน่ง และหน้าที่        การงาน” ความหมายก็คือ เราต้องให้การยอมรับและนับถือ “ผู้ที่เป็นเจ้านาย ผู้ที่เป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้บังคับบัญชา”ของเรา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงต้องให้การยอมรับและนับถือผู้ที่มีตำแหน่ง หน้าที่ ตามอาชีพ หรือวิชาชีพนั้น ๆ เช่น ถ้าเป็นเรื่องสุขภาพการเจ็บป่วย เราต้องให้การยอมรับและเชื่อหมอ เชื่อพยาบาล ใช่ไหมครับ  ถ้าเป็นเรื่องเรียนเรื่องการศึกษา เราก็ต้องเชื่อคุณครู เชื่ออาจารย์  ถ้าเป็นเรื่องของกฎหมาย เราก็ต้องเชื่อและยอมรับในตัวของ ทนาย อัยการ โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ไม่ต้องสนใจว่าเขาเหล่านั้น จะมีอายุเท่าไร อ่อนหรือแก่กว่าเรา จะเก่งหรือไม่เก่ง จะดีหรือไม่ดี ก็ตาม  ดั่งเช่น เราจะเห็นได้จากการที่เรายกมือไหว้คุณหมอ คุณครูก่อนทั้ง ๆ ที่อายุน้อยกว่าเรา บางคนอาจมีคำถามว่า หากคนที่เรากล่าวถึงทำงานไม่เก่ง นิสัยไม่ดี เราจะยังให้การยอมรับและนับถืออีกหรือ  ผมขอยกคำพูดของผู้บริหารท่านหนึ่งที่บอกว่า คนที่ได้รับแต่งตั้งให้มีตำแหน่งที่โตขึ้น ใหญ่ขึ้น หรือได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานนั้น ๆ  เขาย่อมต้อง “มีอะไรดี ๆ แน่นอน”  เอาเป็นว่าเบื้องต้นขอให้เราทำใจยอมรับและนับถือผู้ที่อาวุโสจากตำแหน่ง หรือหน้าที่การงานไว้ก่อน ผลที่ได้ย่อมเป็นบวกแน่นอน  ดีกว่าเราเริ่มต้นก็อคติซะแล้ว  ยังไม่รู้อะไรเลย เดี๋ยวจะพาลให้เจ้านายเหล่เอาได้ หรือได้รับการดูแล การบริการ ที่ไม่เป็นที่พอใจของเรานะครับ

                       คนที่สาม คนนี้ก็สำคัญนะ เราควรให้การยอมรับและนับถือ “คนที่มีความรู้ มีความสามารถ” ความหมายก็คือ ใครก็ตามที่มีความรู้ มีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ มีทักษะ หรืออื่น ๆ ที่เราจะเรียก  โดยไม่ต้องสนใจว่าเขาจะเป็นใคร คนที่ไหน อายุเท่าไร ทำอาชีพอะไร เป็นหัวหน้า เป็นเจ้านาย เป็นผู้บังคับบัญชา มียศ ตำแหน่งสูง ต่ำ แค่ไหน  จะจน หรือรวย ก็ตาม  ถ้าเขาแสดงออกให้เรามองเห็น ให้เราประจักษ์ ถึงความรู้ ความสามารถ จนเราต้องยกนิ้วให้แล้ว   ขอเราจงให้การยอมรับและนับถือเถอะครับ    ผมขอยกตัวอย่างมีน้องคนหนึ่งอายุน้อยกว่าเรา การศึกษาก็น้อยกว่าเรา  ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ต่ำกว่าเรา  ฐานะความเป็นอยู่ก็ด้อยกว่าเรา  หน้าตาก็ขี้เหล่กว่าเรา  รวมแล้วเกือบทุกสิ่งอย่างด้อยกว่าเรา  แต่น้องคนนี้นิสัยดีมากและสำคัญเป็นคนที่ถ่ายภาพได้เก่งมาก สวยมาก  ทุก ๆ ภาพที่ถ่ายออกมาดีมาก ได้ความรู้สึก ใช้ประโยชน์จากภาพได้เป็นอย่างดี รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ เรื่องกล้อง เรื่องการถ่ายภาพเป็นอย่างดี ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็ควรให้การยอมรับและนับถือนะครับ   และมีอีกหนึ่งตัวอย่าง มีน้องคนหนึ่งภาพรวม ๆ น้องเขาด้อยกว่าเรามากในทุก ๆ เรื่อง  แต่น้องมีความชำนาญ ต้องเรียกว่าเชี่ยวชาญเลยทีเดียว  เรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี ในทุกประเภท สามารถตอบสนองในการทำงาน สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถทำให้เราพัฒนางานจนมีคุณภาพที่สูงขึ้นได้ตลอดเวลา  อย่างนี้ เราก็ควรให้การยอมรับและนับถือใช่ไหมครับ

                        จะเห็นได้ว่า หากสังคมของเราในเบื้องต้น เราให้การยอมรับและนับถือคนเพียง 3 คนนี้แล้ว  ผมเชื่อว่าทุกคนจะมีแต่รอยยิ้ม และสังคมก็จะมีแต่ความสุข  ลองนึกภาพง่าย ๆ ดูนะครับ หากในสังคม ในทุก ๆ วัน ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน สุภาพ อ่อนน้อม แย่งกันที่จะยกมือไหว้ผู้ที่เราให้ความเคารพ ให้การยอมรับ และนับถือก่อน  คงจะเป็นอะไรที่วิเศษที่สุด ทุกท่านว่าจริงไหมครับ

 

ขอขอบคุณ  ภาพจาก Chanthasiri  Roung

..................................................

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน
บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์