ลองเดิน...ตามเวลาของคนอื่นดูบ้าง

บทความ ATC 3  ลองเดิน...ตามเวลาของคนอื่นดูบ้าง

                                                                                                                  โดย  นายณัฏ ( Ninenatt )

 

                  คำว่า”เวลา” ทุกคนมักจะมองไปที่นาฬิกาที่ข้อมือ ที่สวมอยู่ หรือไม่ก็มองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ ๆ    ที่ตั้งอยู่ หรือที่แขวนอยู่ เพื่อบอกเวลาว่ากี่โมงแล้ว  แต่เวลาของชีวิตคน ในแต่ละคน ก็มีอยู่ และเดินอยู่ตลอดเวลา แต่ที่สำคัญ เวลาของแต่ละคน เดินช้า-เร็วไม่เท่ากัน เรามา  “ลองเดิน...ตามเวลาของคนอื่นดูบ้าง” ดีไหม

ลองเดิน...ตามเวลาของคนอื่นดูบ้าง

              ถ้าพูดถึงคำว่า  “เวลา” ทุก ๆ คนทั้งผมเองและผู้อ่านทุกท่าน ก็คงจะบอกว่าเวลาเป็นเครื่องมือที่จะบ่งบอกว่า ขณะนี้เป็นเวลากี่โมง กี่นาฬิกาแล้ว เวลาของทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน และทุก ๆ ประเทศทั่วโลก ก็มีเวลาที่จำนวน 24 ชั่วโมงเท่ากัน เพียงแต่ประเทศไหนจะเริ่มนับก่อน-หลังเท่านั้นเอง  แต่ในชีวิตคนเรา แต่ละคน ก็มี “เวลาในการดำเนินชีวิต” เหมือนกัน  และเวลาของแต่ละคน ก็จะเร็ว จะช้า ไม่เท่ากัน  ทำให้เกิดปัญหามากมายทั้งในการดำรงชีวิต และการอยู่ร่วมกันในสังคม เรามักจะได้ยินคำว่า “ทำไม  ทำไม  ทำไม” อยู่บ่อย ๆ ใช่ไหมครับ หากเราจะปรับเวลาให้ของทุกคนเดินเร็ว เดินช้า เท่ากันหมด จะทำได้ไหม   เรามา  “ลองเดิน...ตามเวลาของคนอื่นดูบ้าง”      ดีไหมครับ

 

                        มีเรื่องเล่าซึ่งเป็นเรื่องจริงเรื่องหนึ่งเล่าว่า  มีสามีภรรยานักธุรกิจคู่หนึ่งมีธุรกิจใหญ่โต มีฐานะร่ำรวย มั่งคั่ง มีลูกน้อง มีพนักงาน มากมาย จำนวนหลายร้อยคน ในทุก ๆ วัน หัวหน้าแผนกบุคคลจะสรุปปัญหาที่เกี่ยวกับลูกน้องในที่ทำงานมากมายหลายเรื่อง รายงานให้ผู้บริหารสามีภรรยาคู่นี้รับฟังเป็นประจำ ทำให้ทั้งคู่ปวดหัวมาก ต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาในทุก ๆ วัน ซึ่งบางปัญหาแก้ไขได้ ก็ดีไป  บางปัญหายังแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องทน ๆ กันไป      ทั้งเจ้านายและลูกน้อง 

                         มีเหตุการณ์สำคัญเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นกับสามีภรรยานักธุรกิจคู่นี้  ทั้งคู่มีลูกชาย 1 คนเป็นลูกชายคนเดียว หัวแก้วหัวแหวน  ยังเล็กอยู่ อายุประมาณ 5-6 ขวบ กำลังเติบโต มีความน่ารัก น่าชัง ช่างซัก ช่างถาม ซนบ้างเป็นบางครั้งตามประสาเด็ก เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 เมื่อโรงเรียนปิดเทอม ด้วยความเหนื่อยบวกกับความเครียดกับปัญหาต่าง ๆ ในธุรกิจของตน ทั้งคู่จึงขอหยุดงาน(ไม่น่าเรียกว่าขอหยุดงาน ควรจะเรียกว่าหยุดไม่ทำงาน จะดีกว่า เพราะเป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของธุรกิจนี่ครับ)  และพาลูกชายไปท่องเที่ยวประเทศจีน รวม 1 สัปดาห์ วัตถุประสงค์เพื่อพาลูกชายไปเที่ยว ตนเองก็จะขอคลายเครียดจากงานด้วย  เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าคนที่ไปเที่ยว หรือไปทัวร์ประเทศจีน สิ่งหนึ่งที่ต้องพบก็คือ ต้องเดิน เดิน และก็เดิน มากกว่าการไปท่องเที่ยวประเทศอื่น ๆ เพราะว่าประเทศจีนมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญ ก็มีให้เที่ยวให้ชมมากมาย ไปเป็นเดือนก็อาจจะยังเที่ยวไม่ทั่วก็ได้  ทั้งคู่พาลูกชายไปเที่ยว แรก ๆ พ่อก็อุ้มบ้าง เดินบ้าง แต่จะอุ้มตลอดก็คงจะไม่ได้ ดังนั้นทั้งคู่จึงหันมาจูงมือลูกชาย พ่อจูงมือซ้าย แม่จูงมือขวา  เด็กตัวเล็กนิดเดียว ขาก็สั้น ก้าวสามครั้งยังไม่เท่าพ่อกับแม่ก้าวครั้งเดียว  สุดท้ายก็อ้อนให้พ่ออุ้ม พ่อก็ตามใจ อุ้มได้สักพัก ก็ต้องลงมาจูงกันอีก ดูเหมือนจะเป็นการลากกับจูงซะมากกว่า  จนสุดท้ายลูกเริ่มเดินไม่ทันพ่อกับแม่ และแล้วเมื่อไม่ไหวจริง ๆ ลูกชายจึงหยุดเดินและร้องไห้ และถามพ่อกับแม่ว่า “พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่ตั้งใจพาผมมาเที่ยวใช่ไหมครับ” พ่อตอบลูกว่า  “ใช่สิลูก ลูกมีอะไรรึ”ลูกชายจึงพูดต่อว่า  “พ่อกับแม่โตแล้ว ร่างกายก็แข็งแรง ขาก็ยาว จึงเดินได้เร็ว ผมเดินไม่ทันหรอกครับ” พ่อจึงตอบลูกว่า “เรามาถึงเมืองจีน ต้องเที่ยวให้ทั่ว  เที่ยวให้คุ้ม ต้องพยายาม นะลูก” ลูกชายมองหน้าพ่อแม่ด้วยความเหนื่อยล้าและพูดว่า  “ใช่ครับ แต่ผมพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ผมก็เดินไม่ทัน พ่อกับแม่อยู่ดี แหละครับ”ทั้งพ่อและแม่เริ่มนิ่งอึ้ง และก็ตอบลูกว่า   “แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะลูก” ลูกชายหยุดร้องไห้ จ้องหน้าพ่อกับแม่แล้วพูดว่า  “ พ่อกับแม่รักผม พ่อกับแม่ตั้งใจพาผมมาเที่ยว พ่อกับแม่ให้ความสำคัญกับผม  ผมดีใจครับ  แต่ถ้าพ่อกับแม่ ลองเปลี่ยน มาเดินให้ช้าเท่าผม   จะได้ไหมครับ ขาผมสั้น เดินเร็วอย่างไร ก็เดินไม่ทัน พ่อกับแม่หรอกครับ” ทั้งคู่ถึงกับหยุดนิ่งอึ้ง มองหน้ากัน แล้วจึงพูดกับลูกว่า  “ จริงสินะ เรา ปรับเปลี่ยนลูกให้เดินตามเรา  อย่างไรก็ไม่ทัน ฉะนั้น เราจะลองเดินให้เร็วเท่ากับที่ลูกเดินดูบ้าง จะดีไหมนะ” ทั้งคู่โอบกอดลูก และมองหน้ากัน และพูดขึ้นว่า  “เรา ลองเดิน ตามเวลาของคนอื่นดูบ้าง นะ” 

                        ท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นเช่นไรครับ  ทุกวันนี้ในสังคมในทุกระดับ จากสังคมที่เลกที่สุดคือสังคมครอบครัว   ไปจนถึงสังคมใหญ่ ๆ ระดับประเทศ จนถึงระดับโลก   มักจะพบแต่ปัญหา ต้องตามแก้ไขกันในทุก ๆ วัน เหตุผลหนึ่งก็คือ “ทุกคนมักจะเดินตามวิถีชีวิตหรือตามเวลาของตนเองเป็นหลัก ไม่คิดที่จะปรับหรือเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับวิถีการดำเนินชีวิตของคนอื่น” ปัญหาต่าง ๆ ก็จะยังคงเกิดขึ้นอยู่ตลอด  ปัญหาที่แก้ไขได้ก็นับว่าโชคดีไป แต่บางปัญหาที่แก้ไขไม่ได้จนลุกลามใหญ่โต  จนเป็นอันตรายร้ายแรงก็พบได้บ่อย ๆ

                       คำว่า “เวลาของคนอื่น” มิได้หมายความถึงเฉพาะเวลาในแต่ละวันนะครับ แต่ผมหมายถึง “เวลา ขั้นตอน รูปแบบ ลักษณะ ความคิด ความชอบ ความละเอียด การตัดสินใจ รวมถึงเหตุผล ของการดำเนินชีวิตของแต่ละคน” ต่างหากล่ะครับ  เราลองมาหาวิธีแก้ไขปัญหาโดย  “ลองเดิน ตามเวลาของคนอื่นดูบ้าง” ดีไหมครับ  อาจเริ่มต้นที่สังคมครอบครัวที่อาจจะประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูก ก่อน (น่าจะเป็นสังคมที่เจอปัญหากันเกือบทุกครอบครัวนะครับ)  

                          ยกตัวอย่าง เช่นครอบครัวหนึ่ง สามีเดินเร็ว ทำงานเร็ว คิดเร็ว ตัดสินใจเร็ว ทำอะไรก็เร็วไปหมด ผิดกับภรรยาทำอะไรก็ช้าไปหมด อาจจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ก็จะมีปัญหาให้ถกเถียงกันเกือบทุก ๆ วัน สามีก็   จะบ่น จะหงุดหงิด ต่อว่าภรรยาว่าทำไม ชักช้าจัง ยืดยาดบ้าง อืดอาดบ้าง มัวแต่คิด มัวแต่เลือกอยู่นั่นแหละ ทำอะไรให้มัน  เร็ว ๆ ได้ไหม  ส่วนภรรยาก็อาจจะไม่ยอมน้อยหน้าต่อว่าสามี คุณจะรีบไปไหน จะไปตายหรืออย่างไร เวลามีเหลือเยอะแยะ ใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหม อยากเร็วก็ทำคนเดียวละกัน พาลมีเรื่องให้อารมณ์ขุ่นมัวตามมาทั้งสามีและภรรยา วิธีแก้ไขถ้าต้องการให้ครอบครัวมีความสุข สามีก็ควรจะทำอะไรให้ช้า ๆ ลงหน่อย ให้เข้าใจผู้หญิงว่าคุณเธอมักจะต้องคิดให้ละเอียด รอบคอบ  ระมัดระวังเยอะกว่าผู้ชาย ทำให้ดูเหมือนทำอะไรก็ช้าไปหมด  ส่วนภรรยาก็ต้องทำอะไรให้เร็ว ๆ ขึ้นหน่อย เกรงใจสามี เกรงคนที่รอ บางเรื่องชักช้า อาจไม่ทันการ เชื่อว่าน่าจะแก้ปัญหาได้

                         และอีกครอบครัวหนึ่งหากมีวันหยุดต้องการพักผ่อน พ่อชอบไปเที่ยวภูเขาชอบธรรมชาติป่าเขา    แม่ชอบเที่ยวทะเลชอบเล่นน้ำทะเล  ลูก ๆ 2 คน ชอบไปเดินเที่ยวห้างเพราะเย็นดี ของกินก็เยอะ ในวันที่ทุกคนหยุด พร้อมกันและทุกคนต้องการพักผ่อน นี่คือเวลาในการดำเนินชีวิตของทุกคน ถ้าทำตามเวลาของตนเอง ทั้งพ่อ แม่ ลูก ก็คงต้องต่างคนต่างไป ใช่ไหมครับ  วิธีแก้ไขถ้าพ่อและแม่รักลูก ต้องการให้ครอบครัวมีความสุข  ลองปรับความคิด ยอมลองเดินตามเวลาของลูก ๆ ดูบ้าง  ที่ห้างมีเย็นสบาย ของกินก็เยอะ ของใช้ก็เยอะ มีสิ่งสวย ๆ งาม ๆ  ให้ดูให้เลือกมากมาย และสำคัญได้เห็นว่าลูก ๆ ของเรา เค้าทำอะไรกันบ้าง มีประโยชน์ มีโทษ มีสาระ หรือเปล่า  ทำให้พ่อแม่เข้าใจลูก ๆ มากขึ้น และเชื่อว่าลูก ๆ จะรักพ่อแม่มากขึ้น เข้าใจพ่อแม่มากขึ้น ก็น่าจะทำให้ครอบครัว    มีความสุข

                     หรืออีกหนึ่งครอบครัวกำลังจะสร้างบ้านใหม่ กำลังจะทาสีบ้านภายนอก พ่อชอบสีน้ำตาล แม่ชอบสีฟ้า ลูกสาวคนโตชอบสีชมพู ลูกชายคนเล็กชอบสีเหลือง  หากทุกคนยึดถือความคิด ความชอบ ของตนเองเป็นหลัก     สีบ้านจะออกมาเป็นอย่างไร  ถ้าเป็นสีภายในก็อาจจะทำได้ ห้องใครห้องมันคนละสีได้ แต่ถ้าภายนอก อาจจะดูไม่เหมาะนัก  แล้วจะทำอย่างไร คงต้องยอมลองเดินตามความคิดของแต่ละคน ดูบ้าง ใช้เหตุและผลมาคุยกัน  ทุกสีสามารถทาได้หมด  ทั้งเหมาะและสวยทุกสี  การแก้ปัญหาหากต้องการให้ครอบครัวมีความสุข ลองสีชมพูตามใจลูกสาวก่อนดีไหม  ต่อเมื่อผ่านไปหลาย ๆ ปีสีชมพูถูกแดดสีจางลง  ค่อยเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลตามความคิดของพ่อก็ทำได้นะ  ผมเชื่อว่าครอบครัวนี้ก็น่าจะมีความสุขได้ครับ 

                          จากเรื่องราวทั้งหมด ถ้าทุกคนเข้าใจว่า “คนเราไม่เหมือนกัน แต่ละคนมีความแตกต่างกัน มีความไม่เท่าเทียมกัน ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ” หากจะให้ทุก ๆ คน ดำรงอยู่และมีวิถีชีวิตดำเนินไปพร้อม ๆ กัน เท่า ๆ กัน เหมือน ๆ กัน ในทุก ๆ โอกาส คงเป็นไปไม่ได้  หากดื้อดึง ก็อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ต้องตามแก้ไขกันอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น หาก “ลองเดิน  ตามเวลาของคนอื่นดูบ้าง” ผมเชื่อว่าชีวิตก็จะมีความสุข สังคมก็จะพบแต่ความสุข  ทั้งนี้ ทั้งนั้น อาจต้องดูปัจจัยต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราด้วยว่า สามารถทำได้หรือเปล่านะครับ

 

ขอขอบคุณ   ภาพจาก Chanthasiri  Roung

............................................................................................

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน
บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์