1. เลือกกีฬาที่คุณชื่นชอบ
อย่างแรกเลย เราต้องเลือกกีฬาที่เราชอบ เพราะเวลาที่คนเราทำในสิ่งที่ชอบก็จะมีความพึงพอใจและจะติดเป็นนิสัยได้ง่ายขึ้น การออกกำลังกายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทง่ายๆ ได้แก่ หนึ่งคือ "การออกกำลังกายแบบแอโรบิก" อีกประเภทคือ "การออกกำลังกายไม่ใช้ออกซิเจน" ถ้าอยากหุ่นดีก็ออกกำลังกายแบบแอโรบิค หากคุณต้องการพัฒนากล้ามเนื้อ ก็ออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจน
หมายเหตุ :
การออกกำลังกายใช้ออกซิเจน หรือ คาร์ดิโอ หรือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเป็นการออกกำลังกายตั้งแต่เบาจนถึงหนักซึ่งใช้ออกซิเจนในกระบวนการสร้างพลังงาน แอโรบิก ในภาษาอังกฤษหมายถึง "สัมพันธ์กับ เกี่ยวกับ หรือต้องใช้ออกซิเจนอิสระ" และหมายถึงการใช้ออกซิเจนเพื่อให้ได้พลังงานพอระหว่างออกกำลังกายผ่านเมแทบอลิซึมที่ใช้ออกซิเจน ทั่วไปแล้วกิจกรรมตั้งแต่เบาจนถึงปานกลางที่สามารถรองรับได้อย่างเพียงพอด้วยเมแทบอลิซึมซึ่งใช้ออกซิเจน จะทำได้เป็นเวลานาน ๆ ตัวอย่างรวมทั้งการวิ่งทางไกล (คือ จ๊อกกิ้ง) การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน และการเดิน
การออกกำลังกายไม่ใช้ออกซิเจน เป็นการออกกำลังกายที่หนักพอให้เกิดแลกเตต นักกีฬาใช้การออกกำลังกายดังกล่าวในกีฬาที่ไม่ใช้ความทนทาน เพื่อส่งเสริมความแข็งแรง ความเร็วและพละกำลัง และนักเพาะกายใช้เพื่อสร้างมวลกล้ามเนื้อ ระบบพลังงานกล้ามเนื้อที่ฝึกโดยใช้การออกกำลังกายไม่ใช้ออกซิเจนพัฒนาขึ้นแตกต่างจากการออกกำลังกายใช้ออกซิเจน นำไปสู่สมรรถภาพที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น กิจกรรมที่มีความหนักสูง ซึ่งกินเวลาหลักวินาทีจนถึง 2 นาที
นอกจากนี้เรายังสามารถแบ่งกีฬาออกเป็น "กีฬากลางแจ้ง" และ "กีฬาในร่ม" ตามสถานที่จัดกีฬา คนส่วนใหญ่ชอบสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางแสงแดดในขณะออกกำลังกาย แต่ก็มีบางคนที่ไม่ชอบแบบนั้น พวกเขาชอบออกกำลังกายในร่มมากกว่าที่จะเป็นเป้าสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของผู้อื่น เราสามารถเลือกวิธีออกกำลังกายที่เหมาะกับเรา เลือกกีฬากลางแจ้ง หรือกีฬาในร่มก็ได้
2. ดูความก้าวหน้าของตัวเอง
คุณประโยชน์หลักของกีฬาคือ การทำให้เรามีรูปร่างที่ดีและมีสมรรถภาพทางกายที่แข็งแรง เราสามารถบันทึกความก้าวหน้าของเราได้ ด้วยวิธีนี้ เราจะเห็นความก้าวหน้าและประโยชน์ที่ได้รับจากการออกกำลังกายได้อย่างชัดเจน ทำให้เราตกหลุมรักการออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น
หากต้องการเห็นความก้าวหน้า เราต้องสร้างความก้าวหน้าในตนเองก่อน การออกกำลังกายอย่างมีคุณภาพสามารถช่วยให้เราก้าวหน้าได้อย่างมีนัยสำคัญ ในที่นี่จะแนะนำวิธีปรับปรุงคุณภาพของการออกกำลังกายให้ดียิ่งขึ้น :
(1) วอร์มร่างกายให้เหมาะสมก่อนออกกำลังกาย
(2) ระหว่างออกกำลังกาย ทางที่ดีควรออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจนก่อน แล้วค่อยออกกำลังกายแบบแอโรบิกตาม
(3) ยิ่งหลากหลายยิ่งดี ยิ่งออกกำลังกายหลายประเภท ร่างกายก็ยิ่งได้รับประโยชน์ทุกส่วน
(4) ยืดเหยียดร่างกายอย่างเหมาะสมหลังจากออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้รูปร่างดีขึ้น
(5) ยึดมั่นในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการในระหว่างการออกกำลังกาย ซึ่งจะได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว
3. พัฒนานิสัยการออกกำลังกาย
หากเราต้องการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ต้องพัฒนานิสัยการออกกำลังกายด้วย โดยแนะนำให้ทุกคนออกกำลังกายตรงตามเวลาที่กำหนดไว้ ซี่งจะช่วยให้เราพัฒนานิสัยการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น ผมวิ่งจ๊อกกิ้งตอน 4 โมงเย็นทุกวัน หรือออกกำลังกายทุกวันตอนบ่ายโมง การออกกำลังกายแบบนี้ทำให้เราพัฒนานิสัยการออกกำลังกาย โดยให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเรา
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจเหล่านี้เพื่อช่วยให้เราพัฒนานิสัยการออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้น:
(1) ให้รางวัลตัวเองทุกๆ 10 หรือ 20 วัน
(2) หาเพื่อนมาออกกำลังกายด้วยกัน เป็นกำลังใจให้กันและกัน
(3) อย่าเคร่งเครียดมากเกินไปเมื่อคุณออกกำลังกาย และค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกาย
บทสรุป : ให้ยึดมั่นกับวิธีการที่อธิบายไว้ในบทความนี้ คุณจะสามารถเอาชนะความเกียจคร้านและพัฒนานิสัยการออกกำลังกายที่ดีได้ หากคุณสามารถออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง คุณจะพบว่าร่างกายของคุณมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างแน่นอน ร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆ และแข็งแรงขึ้น ด้วยเหตุนี้คุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้นด้วย
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น