"สวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านนะครับ ชีวิตคนเรา เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ความตายก็เช่นกัน จะมาวันนี้ วันพรุ่งนี้ ก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้ แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุด ความตายเป็นปลายทางสุดท้ายของทุกคนครับ"
ขอเริ่มต้นกับประโยคที่เราเคยได้ยิน ได้ฟังกันมาจนเป็นเรื่องปกติ แต่จะมีสักกี่คนที่ยอมรับมันได้จริง ๆ
แน่นอนครับ ผมก็ไม่อาจยอมรับมันได้ ขอสารภาพตามความจริง คงไม่มีใครที่อยากตาย และเช่นกันคงไม่มีใครที่อยากเห็นคนที่เรารักตายหรอกใช่ไหมครับ ?
(งานแห่งความตาย ภาพโดยผู้เขียน)
แต่จะทำยังไงได้ ที่ผ่านมาวันเวลา ธรรมชาติ เทคโนโลยี และศาสตร์ต่าง ๆ เท่าที่โลกเราเคยมีมา ได้สำแดงมาหมดแล้ว
ไม่เคยมีมนุษย์คนไหน เอาชนะความตายได้เลย ทุกคนล้วนต้องตาย รวมถึงคนที่เรารักด้วย นี่คือความจริง ที่เราทุกคนรู้กันดี
อยู่แล้วครับ
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ผู้ยิ่งใหญ่ คนเดินดินธรรมดา คนมั่งมี คนยาจก คนฉลาด คนโง่เขลา คนทุกประเภทเท่าที่เคยมีคำนิยามมา ก็ล้วนต้องเผชิญกับความตายทั้งหมดครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็ว จะทรมานแสนสาหัสหรือสงบนิ่งดังห้อง ๆ หนึ่งที่ถูกปิดตาย ไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น
ทหราปิ จ เย วุฑฺฒา เย พาลา เย จ ปณฺฑิตา
อฑฺฒา เจว ทลิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุปรายนา
"ทั้งผู้เยาว์ ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนพาล ทั้งบัณฑิต ทั้งคนมั่ง คนยาก ล้วนก้าวไปสู่ความตายทั้งหมดทั้งสิ้น"
ขออนุญาตนำประโยคดังกล่าว คือ พุทธศาสนสุภาษิต ซึ่งเป็นข้อความที่อมตะเหนือกาลเวลา เป็นข้อความที่สะท้อนความจริงจากธรรมชาติ ที่ได้กล่าวมาเนิ่นนานมาแล้ว แต่กาลเวลาไม่สามมารถสั่นคลอนความจริงข้อนี้ลงได้เลย มาตอกย้ำให้เราทุกคนเห็นถึงความตายว่าเป็นปรากฏการณ์หนึ่งของชีวิตเรา ล้วนเป็นปกติ ธรรมดา และเรียบง่ายที่สุด เฉกเช่น ฤดูหนาวในเดือนมกราคม ที่อาจจะหนาวเหน็บสำหรับใครบางคน แต่อาจเป็นแค่ลมเย็น ๆ ตามฤดูที่พัดผ่านเลยไปของใครอีกคน
(จุดหมายปลายทางของทุกคน ภาพโดยผู้เขียน)
ดังนั้นแล้ว เรามีทางเลือกอะไรบ้าง พูดแบบง่าย ๆ เลยละกันครับ ทางเลือกที่ดีที่สุด ก็คงต้องยอมรับมัน เข้าใจในความจริง
คงไม่ต่างอะไรที่หลาย ๆ คนชอบอ้างกันว่า "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย" ผมก็คงไม่กล่าวเกินจริงไปว่า "ความตายก็เป็นสิ่งไม่ตาย" เช่นกับครับ...
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น