หากกล่าวถึงบุคคลผู้เป็นเลิศที่สุดในโลก ในทางพระพุทธศาสตร์หลีกเลี้ยงไม่ได้เลยที่จะกล่าวถึงบุคคลท่านหนึ่ง คือ พระพุทธเจ้านั้นเอง พระพุทธองค์เป็นเลิศขนาดนั้นจริง หรือ ? ถ้าในทางวิทยาศาสตร์ก็ต้องทำการพิสูจน์ก่อนเชื่อ ในทางพระพุทธศาสนาพระองค์เองก็วางหลักการพิสูจน์อะไรต่าง ๆ ก่อนเชื่อไว้ในหลักกาลามสูตร หรือเรียกอีกชื่อว่าเกสปุตตสูตรเช่นกัน และเปิดโอกาสให้พิสูจน์แม้กระทั้งคำสอนของพระองค์เองอีกด้วย ซึ่งหลักกาลามสูตร ก็ตรงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า จะเชื่อสิ่งใด หรือยอมรับสิ่งใดก็ต้องพิสูจน์สิ่งนั้นก่อนเสมอ จนกระทั้งเมื่อพิสูจน์มาก ๆ เข้าก็พบว่าในทางการแพทย์ที่พึ่งค้นพบอะไรต่าง ๆ ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับสิ่งที่พระไตรปิฎก บอกไว้เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว อย่างน่าอัศจรรย์ใจทีเดียว
1) พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งตรงกับทางการแพทย์หลายอย่างเช่น ในพระไตรปิฏกบอกว่า เนื้อเยื่อประสาทตาของเราประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 7 ชั้น เมื่อทางการแพทย์ผ่าออกมาศึกษาก็พบว่ามี 7 ชั้นเช่นกัน
2)ในพระไตรปิฏกบอกว่าจมูกของเรา มีสัณฐานหรือรูปร่างเหมือนกลีบเท้าแพะ เมื่อทางแพทย์ผ่าออกมาศึกษาก็มีรูปร่างเหมือนที่พระไตรปิฏกบอกไว้ไม่ผิดเลย
3)ในพระไตรปิฏกบอกภายหูของเรามีรูปร่างเหมือนวงแหวน และภายในวงแหวนนั้นก็มีขนสีแดงงอกอยู่ภายใน ก็ทำให้ทางการแพทย์รู้สึกอึ้งเหมือนกันเมื่อทดลองศึกษาภายในช่องหูของมนุษย์ดู
4)สุดท้ายในพระไตรปิฏกบอกลิ้นของคนเราเหมือน กลีบดอกบัวเมื่อทางการแพทย์ก้าวหน้าพอที่จะศึกษาก็ค้นพบแบบเดียวกับที่ในพระไตรปิฏกบอกไว้ทุกอย่างเลย
ถามว่าพระพุทธเจ้าท่านทราบได้อย่างไร ในสมัยพุทธกาลมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ขนาดนั้นเลย หรือเปล่า ? ถ้าตอบง่าย ๆ เลยคือว่า พระพุทธองค์ท่านเป็นพระสัพพัญญู พระองค์ทรงรู้ทุกอย่างหากท่านทรงปรารถนาที่จะรู้ หลังจากที่ท่านทรงตรัสรู้แล้ว และทางวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบตามหลังพระองค์ท่านมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทั้งนี้ก็มีบางอย่างที่การแพทย์ในสมัยพุทธกาล เมื่อพันปีที่แล้วทำได้ที่ถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกซึ้งรู้สึกจะกล่าวหน้ากว่าการแพทย์ในปัจจุบันมากอีกด้วยก็มีอยู่ เช่น หมอชีวกโกมารภัจจ์ซึ่งเป็นแพทย์พระจำตัวพระพุทธเจ้า ได้ทำการเปิดกะโหลกเศรษฐีท่านหนึ่งท่านปวดหัวมา 7 ปีซึ่งเกิดจากมีสัตว์กินสมอง ( อาจจะเป็นพยาธิชนิดหนึ่ง ) ท่านทำโดยไม่ใช้ยาสลบแถมปิดกะโหลกหนังศีรษะสมานแผนของเศรษฐีตามเดิมได้ และทำให้เศรษฐีไม่ตายได้อีกด้วย แต่เรื่องการผ่าตัดศีรษะนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาได้ เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้สถาบันโบราณคดีของรัสเซีย กรุงมอสโก ค้นพบว่าเมื่อ 5,000 ก่อนมีการค้นพบ กะโหลกศีรษะที่มีการถูกผ่าตัดสมองด้วยมีดผ่าตัด ใช้วิธีการเจอะกะโหลก แต่น่าเสียดายที่คนไข้ท่านนี้เสียชีวิตหลังการรักษาได้ไม่นานนัก แต่สำหรับหมอชีวกโกมารภัจจ์เก่งตรงที่ว่า ทำคนไข้ไม่ตาย เหล่านี้ก็เป็นการแพทย์ในโบราณ และสมัยพุทธกาลหากตกทอดจนถึงปัจจุบันได้อาจทำให้การแพทย์สมัยปัจจุบันก้าวหน้าไปอีกเยอะมาก ๆ ก็เป็นได้
ทั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงปัญญาอันยิ่งของพระพุทธองค์ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถพิสูจน์ได้ และเห็นประจักษ์จริงอย่างที่อย่างที่พระองค์ตรัสไว้ทุกประการ
สรุปเนื้อหา
1) พระพุทธองค์ไม่เคยบอกให้เชื่อในสิ่งที่ท่านทรงตรัสแต่บอกให้มาพิสูจน์ ดังที่ท่านวางไว้ในหลักกาลามสูตร
2) ทางการแพทย์ปัจจุบันค้นพบว่าเนื้อเยื่อ ตามี 7 ชั้นดังที่ถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกเมื่อหลายพันปีที่แล้วทุกประการ
3) หมอชีวกโกมารภัจจ์แพทย์พระจำตัวพระพุทธเจ้าเก่งขนาดที่ว่าสามารถผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะได้โดยไม่ใช้ยาสลบ และไม่ทำให้คนไข้ตายได้อีกด้วย
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น