แนวคิดดีๆ ที่จะเอาตัวเองออกจากความขี้เกียจได้

     ตั้งแต่เข้าปีพุทธศักราช 2564 กันมาเกินครึ่งปีแล้ว คุณตั้งปณิธานว่าในปีนี้จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไรบ้างคิดว่าหลายๆ คน คงจะมีเป้าหมายคือเลิกขี้เกียจกันอยู่ใช่ไหมล่ะ เพราะว่าปีเก่าๆ ที่ผ่านมานี้เราก็ขี้เกียจไปไม่ใช่น้อยๆ เลย ทำให้เกิดความเสียหายโดยเฉพาะกับงานที่ทำไม่เสร็จตามเวลา โดนต่อว่า เสียความเชื่อมั่นไป ดังนั้นในปีนี้ก็ไม่อยากที่จะให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นมาซ้ำๆ อีก ดังนั้นแล้วเรามาหาวิธีที่จะสลัดความขี้เกียจออกไปจากตัวเรากันดีกว่า

 

/canva ภาพประกอบ : http://www.virginiebichet.org/2015/03/et-si-on-decidait-de-ne-pas-rater-sa-vie.html 

1. ลำดับความสำคัญให้เป็น

ก่อนอื่นเลยนั้นคุณต้องรู้ว่าอะไรที่สำคัญที่สุด ที่ควรจะต้องทำให้เสร็จเป็นลำดับแรกเสียก่อนอย่างเช่น การบ้าน รายงาน งานที่มีเดทไลน์ ดังนั้นแล้วคุณจะมัวเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญน้อยกว่าไม่ได้เลย แต่ละอย่างมีระยะเวลาที่กำหนดไว้ว่าจะต้องทำแตกต่างกันไป ดังนั้นแล้วอันไหนที่จะต้องทำการส่งก่อนก็ถือว่าสำคัญที่สุด ต้องรีบลงมือทำให้เสร็จโดยไว แม้จะเป็นงานที่คุณรู้สึกไม่ชอบมากที่สุดก็ตาม เมื่อทำงานนั้นเสร็จแล้วจึงค่อยทำงานตามลำดับอื่นๆ ต่อมา แต่ทางที่ดีแล้วคุณควรจะเรียงความสำคัญของแต่ละงานเอาไว้เลย เพื่อที่คุณจะได้ทำให้เสร็จตามเป้าหมายที่ควรจะเป็น และมีงานส่งทันตามกำหนดการนะ

 

2. กระตุ้นตัวเองว่าตื่นเต้นและมีความสนใจ

ขึ้นชื่อว่างานต่อให้เป็นเรื่องที่ตัวเองมีความชอบและสนใจ แต่ในหลายๆ ครั้งถ้าเราไม่มีอารมณ์จะทำหรือว่ารู้สึกขี้เกียจ เราก็ไม่อยากจะเริ่มต้นทำเหมือนกัน ดังนั้นแล้วการสร้างอารมณ์ให้รู้สึกว่าตื่นเต้น และมีความสนใจที่อยากจะทำเป็นอย่างมาก ก็ช่วยให้มีความรู้สึกว่าอยากจะทำงานชิ้นนี้ขึ้นมาได้บ้าง ดีกว่าการปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์ขี้เกียจนะ ดังนั้นเราสะกดจิตตัวเองดูสิว่า "ฉันอยากจะทำงานนี้จังเลย" "หัวข้อนี้มีความน่าสนใจมากนะ" "ฉันอยากรู้ต้องรีบหาข้อมูลแล้วล่ะ" แล้วคุณจะเริ่มลงมือทำมันไปเรื่อยๆ จนเสร็จได้ทั้งๆ ที่ตอนแรกอาจจะขี้เกียจทำมันมากก็ตาม

  

cr. https://www.urbanoutfitters.com/shop/bali-sketched-floral-sham-set?category=home&color=040

 

3. ให้คิดถึงผลเสียจากการขี้เกียจ

     ความขี้เกียจมีข้อดีเพียงแค่ทำให้คุณรู้สึกสบายในตอนนี้เท่านั้นแหละ แต่ว่าจะได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงตามมาในภายหลังแทน ถ้าในวัยเรียนคุณก็จะสูญเสียคะแนนที่จะได้รับ หรือโดนตัดคะแนนไป ถ้าเป็นตอนที่ทำงานก็อาจจะสูญเสียความเชื่อมั่นทั้งต่อหัวหน้าและต่อลูกค้าของคุณได้ หรือว่าคุณจะลองคิดสักหน่อยว่าการที่คุณไม่ลงมือทำงานนี้ให้สำเร็จนั้น จะมีข้อเสียใดๆ ตามมาบ้าง อาจจะถูกหัวหน้าตำหนิ ส่งผลเสียโดยรวมต่อทีม ทำให้เพื่อนร่วมงานคนๆ อื่นๆ เดือดร้อน หมดโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ เป็นต้น เห็นไหมว่าข้อเสียของการขี้เกียจสักงานหนึ่งนั้นมันมีมากมายแค่ไหน ถ้าคิดได้ขนาดนี้แล้วยังจะขี้เกียจต่อไปได้อยู่อีกหรือ

 

4. ไม่ลงมือทำก็ไม่เสร็จ

     ในโลกนี้ไม่มีเวทมนตร์ที่จะเสกให้งานของคุณสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจงเลิกเพ้อฝันไปได้เลยว่าจะมีเหตุการณ์มหัศจรรย์แบบนั้นเกิดขึ้น หากวางงานทิ้งเอาไว้แบบนั้นมันก็จะยังคงอยู่ในสภาพนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณค่อยๆ ลงมือทำมันไปเรื่อยๆ อย่างน้อยงานก็จะมีความคืบหน้าและมีโอกาสทำจนเสร็จได้ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม ยิ่งบางงานไม่มีใครที่จะช่วยคุณทำได้เสมอไป ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น ดังนั้นถ้าอยากให้งานมันสำเร็จยังไงคุณก็จะได้ลงมือทำอยู่ดีนะ

 

5. หารางวัลล่อใจหากทำงานสำเร็จ

     พลังแห่งความขี้เกียจนั้นมันมีแรงดึงดูดมากมายมหาศาลเหลือเกิน อยากที่จะนอนเฉยๆ ฟังเพลง ดูหนัง เล่นมือถือไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ การอยู่แบบสบายๆ ทำในสิ่งที่ชอบไม่ต้องลำบากคิดมากคิดหนักในเรื่องของการทำงาน มันช่างมีความสุขได้มากที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องมีสิ่งที่ดึงดูดใจมากพอที่ทำให้คุณอยากจะทำงานให้สำเร็จขึ้นมาบ้าง อย่างเช่น ถ้าทำงานนี้เสร็จจะไปกินของอร่อยที่ร้านโปรด หรือถ้าทำงานนี้เสร็จจะซื้อลิปสติกที่เพิ่งออกใหม่ให้เป็นของขวัญกับตัวเอง เป็นต้น เมื่อคิดถึงรางวัลที่จะได้รับแล้ว ก็จะเกิดความท้าทายที่ควรค่ากับความขยันในครั้งนี้ให้ได้ขึ้นบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ?

 

 

cr. http://m.upinews.kr/news/newsview.php?ncode=1065607592660857

 

     ความขี้เกียจเราสามารถเอาชนะมันได้ เพียงแค่คุณใจแข็งและฮึดสู้กับมัน ยอมลำบากในตอนนี้เพื่อที่จะได้สุขสบายในวันข้างหน้าดีกว่า ฝึกนิสัยไม่ให้ตัวเองเป็นคนเกียจคร้าน แล้วจะพบว่าการที่คุณเลิกขี้เกียจนั้น ทำให้ชีวิตคุณก้าวพัฒนากว่าการที่จะปล่อยให้ตัวเองเหลวไหลทิ้งความรับผิดชอบไปอย่างแน่นอน และสิ่งๆ นี้ก็มีแต่คุณที่ต้องทำมันด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครจะมาจ้ำจี้จำไชคุณไปตลอดชีวิตได้หรอกนะ

 

cr. http://www.virginiebichet.org/2015/03/et-si-on-decidait-de-ne-pas-rater-sa-vie.html

 

บทความ โดย : Akine_noxx

ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน
บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์