บทความ ATC 1 แต่งงาน...ทำไมเราต้องแต่งงาน
โดย นายณัฏ ( Ninenatt )
(แนบภาพถ่ายประกอบ)
ภาพคู่บ่าว-สาวในงานแต่งงาน เป็นภาพที่สวยงาม บ่งบอกถึงความสุข มองแล้วรู้สึกมีความสุขไปด้วย เราเห็นกันอยู่ในเกือบทุกๆวัน แต่เคยสงสัยไหมครับว่า “ทำไม ... ต้องแต่งงาน” กันด้วยล่ะครับ และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเลือกชายคนนี้ สาวคนนี้ เป็นคู่ครอง คืออะไรนะ
แต่งงาน...ทำไมเราต้องแต่งงาน
เป็นคำถามที่เรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งผมเองและท่านผู้อ่าน มักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ จากที่ผู้ใหญ่เมื่อได้พบลูก ๆ หรือหลาน ๆ ที่โตเป็นหนุ่ม เป็นสาว มีการศึกษาที่ดี เล่าเรียนจนจบแล้ว มีการมีงานทำที่มั่นคงแล้ว มักจะมีคำถามว่า “ มีแฟน หรือยัง” หรือไม่ก็ถามว่า “ เมื่อไร จะแต่งงาน” ก็เป็นคำถามที่ดีนะ แต่ผู้ที่ถูกถามมักได้แต่อมยิ้ม และก็จะนึกอยู่ในใจ ( ไม่กล้าตอบผู้ใหญ่ ) ว่า “ทำไม..เราต้องแต่งงาน”ด้วย วันนี้ผมจึงขอเชิญชวนท่านผู้อ่าน ลองมาวิเคราะห์ไปด้วยกันนะครับ
คำว่า “ แต่งงาน” ผมขอหยิบยกมาจากการศึกษาของนักวิจัยท่านหนึ่งซึ่งให้ความหมายไว้ว่า การแต่งงาน หมายถึง การที่ชาย-หญิง มีความรักใคร่ต่อกันจนสุกงอม และพร้อมที่จะดำเนินชีวิตร่วมกัน เป็นครอบครัวอย่างสามีภรรยา โดยถือว่าการแต่งงาน เป็นประเพณีที่สำคัญสำหรับวิถีชีวิตของคนไทย เป็นการบ่งบอกว่าผู้ที่แต่งงานนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความรับผิดชอบมากขึ้น และพร้อมที่จะเป็นครอบครัว รับผิดชอบชีวิตอีกหลายคนเพิ่มขึ้นนอกจากชีวิตของตนเอง รวมถึงต้องการมีผู้สืบวงศ์ตระกูล ฟังดูแล้วรู้สึกดีจังนะคับ แต่ในที่นี้ผมขอสรุปเอาเป็นว่า เหตุใดก็ตามที่ชายและหญิงมาอยู่ร่วมกันในฐานะของสามีและภรรยา ทั้งที่มีการจัดงานแต่งงาน หรือไม่มีการจัดงาน หรือมาอยู่ร่วมกันเฉย ๆ หรืออยู่กันก่อนแต่ง แต่ปฏิบัติตนเหมือนสามีภรรยาทั่ว ๆ ไป ก็ให้ถือได้ว่าแต่งงานกันแล้วนะครับ แต่สิ่งที่เราสงสัยและขอตั้งคำถามก็คือ “อะไรเป็นเหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจมาอยู่ร่วมกัน” และมาใช้ชีวิตร่วมกัน โดยขอเอาเรื่องของฐานะทางการเงินและหน้าที่การงาน ออกไปก่อนนะครับ
ผมมีโอกาสได้สอบถามคุณหนุ่ม ๆ ที่เพิ่งผ่านการแต่งงานมา และหลายๆคนที่กำลังจะแต่งงาน” ว่า อะไรเป็นเหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจแต่งงานกับภรรยา คนนี้” คำตอบแรกที่ได้รับก็เหมือนกับความหมายด้านบนนั่นละครับ แต่พอถามลึก ๆ ไปก็พบว่าครั้งแรกที่พบภรรยา เธอสวยมาก น่ารักมาก หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาว ผมยาวประบ่า จมูกโด่ง หุ่นเหมือนนางแบบ ทรวดทรงองค์เอว ดูเซ็กซี่ไปหมด อ้าว...เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า คุณหนุ่ม ๆ หรือผู้ชาย จะตัดสินใจแต่งงานก็เพราะเรื่องของรูปร่าง หน้าตา เป็นอันดับแรก เรื่องอื่น ๆ ค่อยมาว่ากันทีหลัง ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยเรื่องหนึ่งที่สรุปว่า การแต่งงานนับเป็นการบำบัดความต้องการทางเพศของมนุษย์อีกด้วย และอีกอย่างอยากได้คนมาดูแลตนเอง รวมถึงคนในครอบครัว ท่านผู้อ่านจะเห็นด้วยไหมครับ
และเมื่อมีโอกาสได้สอบถามคุณสาว ๆ ที่มีสามีแล้ว ทั้งที่แต่งงานแล้ว และยังไม่ได้แต่งงานแต่อยู่ร่วมกันแล้ว ในคำถามเดียวกัน ก็จะได้รับคำตอบที่คล้าย ๆ กับคำตอบแรกของคุณหนุ่ม ๆ นั่นนะคับ นับว่าเป็นคำตอบที่ดี ฟังแล้วต้องอมยิ้ม ทำให้มองเห็นภาพของความสุขของคนทั้งสอง แต่จะมีอยู่บ้างที่ให้คำตอบว่าตัดสินใจแต่งงานเพราะรูปร่างหน้าตา เป็นรักแรกพบ รูปหล่อ เท่ห์ สมาร์ท ดูแมนดี แต่เมื่อสอบถามลึก ๆ ลงไปแล้ว จะพบว่าคุณสาว ๆ จะให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาเป็นรองครับ ดังเราจะเห็นได้บ่อย ๆ ว่า สาวสวยได้สามีขี้เหล่ มีเยอะเลย จริง ๆ แล้ว จะพบว่าคุณสาว ๆ สวย ๆ จะตัดสินใจแต่งงานกับผู้ชายที่มีฐานะมั่นคง มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ดูแลหรือเลี้ยงดูตนเองได้มากกว่า และที่สำคัญอีกข้อหนึ่งที่พบคือคุณสาว ๆ ต้องการคนที่มีความเป็นฮีโร่ในสายตาของคุณเธอ ซึ่งหมายถึง คนที่สามารถปกป้องตัวเธอเองและครอบครัวได้ ให้ความอบอุ่นและความปลอดภัย นั่นเองครับ ส่วนเรื่องการบำบัดความต้องการทางเพศของคุณสาว ๆ น่าจะเป็นเรื่องรอง ท่านผู้อ่านคิดว่าน่าจะเป็นจริงไหมครับ
ถึง ณ ตรงนี้ ผมว่าเรามาสรุปกันสักนิดนะครับ จากคำถามที่ว่า “ ทำไม...เราต้องแต่งงาน” คงพอจะได้คำตอบแล้วว่า คุณหนุ่ม ๆ หากจะต้องตัดสินใจแต่งงาน สิ่งแรกที่พิจารณาคือ รูปร่าง หน้าตา ความสวย ความงาม รูปลักษณ์ภายนอกก่อนเลยนะครับ ส่วนคุณสาว ๆ ก็น่าจะตัดสินใจแต่งงานที่ความมั่นคงของชีวิต ความอบอุ่นและปลอดภัย ตลอดจนต้องการมีใครสักคนมาดูแล นะครับ อย่างไรก็ตามผมเองมีความเห็นว่าทั้งคุณหนุ่ม ๆ หรือคุณสาว ๆ ที่มีเหตุผลที่จะต้องแต่งงาน มีเหตุผลในการตัดสินใจแต่งงาน ทุกคำตอบ ไม่มีผิด ไม่มีถูก ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ เพราะธรรมชาติของมนุษย์จำเป็นต้องมีการสืบพันธุ์ สืบสกุล มีการรักษาไว้ซึ่งวงศ์ตระกูล แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อแต่งงานแล้ว ทั้งสามีและภรรยา ต้องทำหน้าที่ “ดูแล ซึ่งกันและกัน” ให้ดีที่สุด ต้องเป็นการดูแลซึ่งกันและกัน มิใช่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ดูแล ก็จะทำให้ชีวิตคู่พบแต่ความสุข ท่านผู้อ่านเห็นด้วยไหมครับ.....
ขอขอบคุณ ภาพจาก Chanthasiri Roung
...........................................................
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น