เชื่อว่าหลาย ๆ คนเวลาไปซื้อผลไม้ มักจะสังเกตได้ ว่าผลเหล่านั้น มีความสวยงาม มันวาว ดูสดและใหม่ มาก ๆ ทำให้เกิดอาการน่าทานขึ้น แต่อยากจะบอกว่าสิ่งที่เราเห็นนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือแวกซ์เคลือบผลไม้ ที่ผู้ผลิตเคลือบไว้ เพื่อให้ผลไม้ดูสดดูน่าทาน ทีนี้หลายคนก็คงจะสงสัย ว่ามันทานได้หรอ จะเกิดผลอันตรายหรือไม่
โดยปกติเราสามารถแบ่งสารเคลือบผิวตามแหล่งที่มาได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
1. สารเคลือบผิวที่มาจากพืช เช่น ยางไม้ (Resin) คาร์นูบาร์ (Carnaubar wax) หรือแป้งที่ได้จากพืชก็สามารถนำมาสกัดเป็นสารเคลือบผิวได้เช่นกัน แต่จะทำให้ผลไม้มีลักษณะเป็นขุย ๆ และไม่มันวาวเท่ากับสารเคลือบผิวแบบอื่น ๆ
2. สารเคลือบผิวที่มาจากสัตว์ เช่น เชลแลก (Shellac) ซึ่งเป็นสารสกัดจากครั่ง ไคโตซาน (Chitosan) ซึ่งมาจากเปลือกกุ้ง กระดองปู หรือกระดองหมึก สารเคลือบผิวประเภทนี้นอกจากจะช่วยคงความสดของผลไม้แล้ว ยังช่วยเรื่องการเกิดโรคหลังเก็บเกี่ยวได้อีกด้วย
3. สารเคลือบผิวที่มาจากปิโตรเลียม เช่น พาราฟินแวกซ์ (Paraffin wax) พอลิเอทิลีนแวกซ์ (Polyethylene wax) และพอลิเอทิลีน ไกลคอล (Polyethylene glycol) โดยสารเคลือบผิวจากปิโตรเลียมแต่ละชนิดเหล่านี้ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
สาร เคลือบเหล่านี้ เป็นสารประกอบชีวโมเลกุลไขมันขนาดใหญ่ เมื่อเราทานเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม ร่างกายของเราจะไม่สามารถย่อย หรือดูดซึมไปใช้งานได้ เพราะสารเหล่านี้ มีโมเลกุลขนาดใหญ่กว่าไขมันปกติที่เราทานกัน อย่างเช่น พาราฟินแวกซ์ (Paraffin wax) ซึ่งเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีโครงสร้างโมเลกุล CnH2n+2 และสามารถมีอะตอมคาร์บอนได้มากถึง 36 อะตอม ขณะที่ไขมันที่เรารับประทานกันอยู่ทั่วไป เช่น กรดไขมันอิ่มตัว มีจำนวนอะตอมคาร์บอนในโมเลกุลเพียง 12 - 18 อะตอม ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ส่งผลตกค้างกับร่างกายแต่อย่างได้ ดังนั้น ก็หมดกังวลได้เลย ว่าจะเป็นอันตรายกับร่างกายไหม
อย่างไรก็ตาม หากผลไม้ชิ้นนั้น หรือแว็กซ์ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจะก่อให้เกิดผลเสียกับร่างกายได้ เพราะหากมีสิ่งตกค้างอย่าง ยาฆ่าแมลงและจุลินทรีย์ต่างๆ ตกค้างอยู่บนผิว แวกซ์ก็จะเคลือบกักสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เอาไว้ด้วย
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะ
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น