ปรัชญาวัยรุ่น

เด็กหรือวัยรุ่น อาจไม่ได้ต้องการความสนใจ แต่ต้องการความใส่ใจ และความเข้าใจ แต่บางครั้งผู้ใหญ่ ก็อาจไม่เข้าใจ เลยทำให้เกิดปัญหาต่างๆขึ้น และต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด อาจมีที่มาจากเรื่องเดียว คือ เด็กหรือวัยรุ่นไม่รู้ว่า ใครสามารถจะเป็นที่พึ่งให้ได้บ้าง ในวันที่รู้สึกสับสน และไม่โอเคกับชีวิต และสุดท้าย ก็อาจต้องพึ่งตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่า สิ่งที่ทำนั้นผิดหรือถูก

การที่คุณเป็นผู้ใหญ่กว่า มันไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่คุณคิดมันจะเป็นสิ่งที่ถูกเสมอไป เพราะคุณไม่มีวันรู้เลยว่า เด็กหรือวัยรุ่น คนๆหนึ่ง ตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นยังไง ลึกๆข้างในใจ เขาเป็นคนแบบไหน เขาผ่านเรื่องอะไรมาบ้าง และเขาคิดอะไรอยู่ ทำไมเขาถึงแสดงการกระทำแบบนั้นออกมา คุณไม่มีวันจะรู้ได้เลย ถึงความจริงของชีวิตเขา เพราะฉะนั้น อย่าตัดสินเขา จากความคิดของคุณ หรือสิ่งที่คุณเคยประสบผ่านมา เพราะคุณก็รู้ดีว่า เรื่องราวของชีวิตคุณ ก็ไม่มีใครจะเข้าใจ และรู้จักมันดี เท่ากับตัวคุณเอง ที่เคยประสบผ่านมันมาแล้ว

และหากคุณอยากเข้าใจเด็ก หรือวัยรุ่น สิ่งแรกที่คุณต้องทำ คือ การรับฟังในสิ่งที่เขาพูด ไม่ใช่ การแนะนำในสิ่งที่คุณคิดว่า มันจะดีสำหรับเขา ผู้ใหญ่หลายๆคนมักจะเข้าใจผิดว่า ที่ตัวเองเข้าใจเด็ก หรือวัยรุ่นคนหนึ่งได้ เป็นเพราะมีอายุเยอะกว่า หรือเป็นผู้ที่อาวุโสกว่า ผ่านโลกมาเยอะกว่า ประสบการณ์เยอะกว่า และเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน เพราะฉะนั้นแล้ว จึงเข้าใจเด็กหรือวัยรุ่นเขาดี แต่จริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะถ้าหากเข้าใจเด็ก หรือวัยรุ่นดี คุณต้องรับฟังเขา เพราะคุณก็รู้ดีว่า คุณเคยผ่านอะไรมาบ้าง และคุณก็รู้ว่า มันเจ็บปวดแค่ไหน และยากแค่ไหนที่ต้องอดทนอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ

หากคุณรู้ว่า มันเป็นชีวิตที่ทรมานแค่ไหน คุณก็ควรเข้าใจเด็ก หรือวัยรุ่นเขาว่า สิ่งที่เขาต้องการ คือ คนเข้าใจ เหมือนกับตอนที่คุณเคยต้องการ แต่อาจจะไม่เคยได้รับ หรือหากคุณเคยได้รับ คุณก็จะรู้ว่า การมีคนที่เข้าใจคุณ มันสำคัญมากขนาดไหน อย่ามองว่า เรื่องของเด็กหรือวัยรุ่น เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จากมุมมองของคุณเพียงคนเดียว เพราะสำหรับคุณมันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่สำหรับเด็ก หรือวัยรุ่นอย่างเขาแล้ว มันอาจเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องยาก ที่ต้องการคนรับฟัง และคนเข้าใจ

ผมเคยนั่งพูดคุย กับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งตัวผมเองก็จำไม่ได้ว่า ตัวเองได้ถามอะไรไปบ้าง แต่ที่ผมยังจำได้ดี คือ อาจารย์ท่านนี้ สอนผมว่า หากเด็กและผู้ใหญ่ พูดคุยกันเรื่องอะไรก็ตาม และเกิดความไม่เข้าใจกัน ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น ผู้ใหญ่ก็มักจะคิดก่อนเสมอว่า ตนเป็นฝ่ายที่ถูกโดยอัตโนมัติ (ไม่ได้หมายถึง ผู้ใหญ่ทุกคนนะครับ) และเด็กเป็นฝ่ายที่ผิดในทันที หากไม่เชื่อก็ให้ลองสังเกตเวลาคนที่เป็นเด็กกว่า กำลังจะอธิบายเหตุผล ให้คนที่มีอายุเยอะกว่าฟัง คนที่มีอายุเยอะกว่า ก็มักจะพยายามหลีกเลี่ยงที่จะฟัง และจะหันไปเป็นผู้ให้คำแนะนำแทน เพราะคนที่มีอายุเยอะกว่า ไม่อยากรู้สึกว่า ตัวเองกำลังเป็นฝ่ายที่ถูกชี้แนะ 

และอาจารย์ท่านนี้ ก็สอนผมว่า ผู้ใหญ่อาจไม่ได้ผิดที่คิดว่า เด็กเป็นฝ่ายผิด เพราะบางครั้งเด็กก็ผิดจริงๆ แต่ผู้ใหญ่จะผิดด้วยทันที หากไม่คิดว่า ตัวเองก็เป็นฝ่ายที่มีความผิดอยู่เช่นกัน เพราะคุณเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น แทนที่คุณจะหาทางหลีกเลี่ยง ไม่ให้เกิดปัญหาการทะเลาะกันขึ้น คุณกลับไม่ทำ และเอาแต่ทำในสิ่งที่คุณคิดว่า ตัวเองไม่ได้ผิด และแถมยังคิดว่า ตัวเองถูกด้วย คือ การพยายามที่จะทำให้เด็กรู้สึกว่า เขากำลังเป็นฝ่ายที่ผิด โดยการพยายามหาเหตุผลที่ดีพอ ที่จะเอาชนะเขานั่นเอง และจุดนี้แหละ คือ ความผิดของผู้ใหญ่คน

 

สิ่งที่ผมเขียนอาจจะให้น้ำหนักเหมือนกับว่า ความผิดเป็นของผู้ใหญ่นะครับ แต่ว่าผมบริสุทธิ์ใจ ที่จะยืนยันว่า ไม่ได้มีความคิด และเจตนาแบบนั้น เพราะ ผู้ใหญ่เองก็มีปัญหาต่างๆ ในชีวิตเหมือนกันครับ มีเรื่องต่างๆมากมาย ที่ต้องจัดการ และต้องทำในชีวิตประจำวัน คงไม่มีใครที่จะมีเวลาว่างมากพอ มานั่งรับฟังทุกเรื่องราว ที่เกิดขึ้นและช่วยคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้ และเด็กหรือวัยรุ่นเอง ก็ควรจะรู้จักให้เกียรติ และให้ความเคารพกับผู้ใหญ่ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เอาแต่คิดถึงตัวเองมากเกินไป

และสุดท้ายนี้ไม่ว่า จะเป็นเด็กวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ การให้เกียรติ และให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องควรมีให้กันทั้งสองฝ่าย และไม่ใช่ เพียงแค่เด็ก หรือผู้ใหญ่เท่านั้น ที่ควรให้เกียรติและความเคารพซึ่งกันและกัน แต่ทุกๆคนที่เป็นมนุษย์ ควรจะให้เกียรติ และความเคารพซึ่งกันและกัน รู้จักเห็นอก เห็นใจ เรียนรู้ที่จะรับฟังกันให้มากขึ้น เพราะปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาจมีต้นเหตุเดียว คือ มาจากการที่มนุษย์เรารับฟังกันและกัน น้อยเกินไป จนทำให้เกิดความขัดแย้งต่างๆขึ้น ดังนั้น เราทุกคนควรจะเรียนรู้ที่จะรับฟังมากกว่าพูด เพราะถ้าหากเราเอาแต่พูด โดยที่ไม่ฟังเลย เราก็จะไม่มีวันเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริง และการให้เกียรติ ให้ความเคารพ และรับฟังกันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียมกัน และมันก็ไม่ใช่ในฐานะอะไร แต่เป็นในฐานะเพื่อนมนุษย์ และเพื่อนร่วมโลก และบทความนี้ ผมไม่ได้กำลังจะกล่าวโทษว่า ความผิดเป็นของใคร แต่ผมแค่อยากชี้ให้เห็นว่า การรับฟัง การให้เกียรติ และให้ความเคารพ เป็นเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง และเป็นสิ่งที่มนุษย์เราทุกคนควรจะมีให้กันและกัน และได้รับมันอย่างเท่าเทียมกัน ขอบคุณครับ

บทความโดย : Worawut Roengmi

ขอขอบคุณรูปภาพประกอบทั้งหมดจาก Unsplash

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน

บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์