ประวัติศาสตร์ที่เเท้จริงของโอวัลติน!

  หากพูดถึง โอวัลติน เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยดื่มกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แน่นอน เพราะเป็นเครื่องดื่มยี่ห้อดัง ที่มีทั้งความอร่อย และยังมีสารอาหารครบถ้วนอีกด้วย แต่น้อยคนมาก ที่จะรู้จักที่มาและประวัติที่แท้จริงของเครื่องดื่มยี่ห้อนี้ วันนี้จึงอยากมานำเสนอและเล่าประวัติต้นกำเนิดที่แท้จริงของโอวัลตินค่ะ เรื่องราวจะเป็นยังไงนั้น ไปติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ

โอวัลติน กำเนิดที่แท้จริงนั้นมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คิดขึ้นโดยคุณหมอท่านหนึ่งชื่อว่า Dr. George Wander ในปี 1904 ซึ่งเขาคิดขึ้นมาเพื่อให้คนไข้ที่รู้สึกกินอะไรไม่ลง เบื่ออาหาร ทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน จึงคิดเครื่องดื่มที่สามารถรวบรวมสารอาหารและวิตามินได้อย่างครบถ้วน จึงได้นำเอา ไข่, มอลต์ และ โกโก้ มาผสมกันเพื่อให้คนไข้ดื่ม และผลที่ออกมาก็ดีกว่าที่คิดไว้ จากนั้นจึงได้ผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายให้กับคนทั่วไป เพื่อเสริมสร้างคุณค่าทางโภชนาการและความแข็งแรงให้แก่ผู้คน ที่ขาดสารอาหาร ในตอนแรกนั้น Ovaltine มีชื่อกำเนิดชื่อว่า “Ovo-Maltine” ซึ่งมาจากส่วนผสมหลัก ได้แก่ มอลต์ (Malt) และ ไข่ (Ovum)

 เเละในเวลาต่อมา Dr. Albert Wander ลูกชายของ Dr. George ได้เพิ่มเติมคุณค่าสารอาหารให้กับเครื่องดื่มOvo-Maltine โดยการเอามอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ที่ดีต่อสุขภาพมาผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ อย่าง นม ไข่ไก่ และ โกโก้ จนกลายเป็นเครื่องดื่มที่นำไปขายทางการค้าในประเทศอังกฤษและเรียกชื่อว่า “โอวัลติน”

ทีนี้เราก็มาพูดถึงเจ้าส่วนผสมของโอวัลตินกันดีกว่า ว่ามีประวัติความเป็นมาเเละประโยชน์อย่างไรบ้าง ต้องบอกก่อนว่าส่วนผสมหลัก ๆ ของโอวัลตินก็คือ มอลต์ ซึ่งเป็นมอลต์สกัดที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโอวัลติน โดยนำเอา “ข้าวบาร์เลย์” มาแช่น้ำให้รากงอกออกมาเล็กน้อยแล้วนำมากลั่นด้วยความร้อนต่ำเพื่อคงคุณค่าของสารอาหารเอาไว้ ซึ่งข้าวบาร์เลย์อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ทั้งยังเป็นแหล่งที่ดีและมีประโยชน์ของไฟเบอร์ และเบต้ากลูแคน อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนที่ละลายน้ำได้ เเละยังมีโปรตีนคาร์โบไฮเดรตมากอีกด้วย นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมายเกือบ 50 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินซี และธาตุเหล็ก เเถมเมื่อนำมาชงกับน้ำร้อนเเล้ว ก็ยังให้รสชาติที่อร่อยและกลมกล่อมอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็มักนิยมนำมาชงกับนม เพื่อให้รสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น

ซึ่งในประเทศไทยเรา เเบรนด์นี้ก็ถือเป็นยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยมีต้นกำเนิดจากบริษัท วานเดอร์ ประเทศไทย ที่ได้ตั้งโรงงานผลิตเครื่องดื่มมอลต์สกัด หรือโอวัลติน ในปี 1989 นั่นเอง

จนมาถึงปัจจุบันนี้ โอวัลติน ก็ได้พัฒนาเครื่องดื่มในรูปแบบสูตรต่าง ๆ ทำให้ตอบโจทย์คนยุคปัจจุบันได้ดีขึ้นเลยทีเดียว เพราะสามารถนำมาทำเป็นเมนูอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ยกตัวอย่างก็เช่น ขนมปังนมข้นโรยผงโอวัลติน หรือไม่ก็ มีโอวัลตินที่สามารถนำมาชงกับน้ำเย็นได้ เเต่ถ้าจะให้อร่อย ผู้เขียนคิดว่าชงกับนมจะให้รสกลมกล่อมมากกว่าค่ะ ยังไงทุกคนก็อย่าลืมนำสูตรใหม่ ๆ ของโอวัลตินไปลองทำดูกันนะคะ

ภาพปกจาก canva

ภาพที่  1 จาก canva

ภาพที่  2 โดย John Bradshaw จาก  Alamy

ภาพที่  3 โดย 1950sUnlimited จาก  flickr