Opinion: ความสามารถของญี่ปุ่นกับนิวเคลียร์

Opinion: ความสามารถของญี่ปุ่นกับนิวเคลียร์

เราไม่ควรคิดว่า "ญี่ปุ่น" มีความสามารถทางทหารที่อ่อนแอเพียงเพราะพวกเขาไม่มีอาวุธร้ายแรง การไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครอง ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะคานอำนาจทางทหารกับรัฐอื่นๆไม่ได้ ญี่ปุ่นมีศักยภาพมากพอจะผลิตหัวรบนิวเคลียร์ได้ภายในเวลานานที่สุด 1 ปี เพราะงบประมาณทางทหารของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ติดต่อกัน 10 ปีแล้ว โดยในปีนี้ (ปีงบประมาณ 2022 เริ่ม 1 เมษายน) งบประมาณกว่า 1.6 ล้านล้านบาทจะถูกอัดฉีดเข้ากระทรวงป้องกันประเทศ คิดดูนะว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณแผ่นดินไทยถูกเอาไปลงกับงบทหารของญี่ปุ่นทั้งหมด (การวัดความสามารถทางทหารโดยหลักสากลจะวัดจากงบประมาณที่แต่ละประเทศได้รับจัดสรร ไม่ใช่จำนวนรถถัง จำนวนเครื่องบิน จำนวนกำลังพล ถ้าไม่มีเงินสนับสนุนมากพอ อาวุธพวกนี้ก็ได้แต่จอดอยู่เฉยๆ)

ด้านอุปกรณ์และอาวุธยุโธปกรณ์ก็มีศักยภาพมากกว่าเกาหลีเหนือ ญี่ปุ่นมีฐานปล่อยจรวด 3 แห่ง (เกาหลีเหนือมี 2 แห่ง) ซึ่งยังเปิดใช้งานอยู่ และสามารถยิงดาวเทียมขึ้นไปบนชั้น Sub-Orbital ได้ นั่นหมายความว่าญี่ปุ่นสามารถผลิตขีปนาวุธระดับเดียวกับมหาอำนาจอื่นๆได้ (เช่น สหรัฐฯ รัสเซีย) JAXA (องค์กรอวกาศญี่ปุ่น) ก็มีส่วนร่วมในการสร้างโมดูลของสถานีอวกาศนานาชาติ (ใช้ชื่อโมดูลว่า Kibou = ความหวัง) แสดงว่าญี่ปุ่นประเทศเดียวก็มีความสามารถมากพอกับสหภาพยุโรป ขณะที่เกาหลีใต้และอินเดียก็ยังทำไม่ได้ รวมถึงมีการจัดตั้งฝูงบินอวกาศในสังกัดกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศเมื่อปี 2020 แสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีไปอีกขั้น

สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของญี่ปุ่นจะไม่ยอมให้ใครก็ตามใช้กำลังเข้ารุกรานเกาะแห่งนี้ สหรัฐฯ จะเข้าช่วยเหลือญี่ปุ่นทุกรูปแบบ เพราะความสัมพันธ์พิเศษระหว่างรัฐบาลทั้งสองชาตินี้มันลึกซึ้งและแนบชิดกันมากรวมถึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออก รัฐธรรมนูญใหม่ก็มาจากสหรัฐฯ เศรษฐกิจใหม่ก็มาจากสหรัฐฯ กองทัพใหม่ก็มาจากสหรัฐฯ 10 ปีหลังสงครามจบลง ญี่ปุ่นถูกปลดอาวุธ ไม่มีทหาร ไม่มีกองทัพ มีแต่ตำรวจ แต่ดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาทองของญี่ปุ่น เพราะการโยกงบประมาณกองทัพมาลงที่ด้านอื่นๆของประเทศบวกกับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ก็ทำให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวได้รวดเร็วมากจากที่เกือบจะสูญเสียทุกอย่างจากสงครามจนกลับมาเติบโตเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกแซงหน้าสหภาพโซเวียตไปแบบไม่เห็นฝุ่น ก่อนเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจช่วงทศวรรษ 1990 

อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ญี่ปุ่นต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์แบบสุดลิ่ม ก็เป็นเพราะเขาเคยเป็นประเทศที่ถูกบอมบ์โดยตรงจากนิวเคลียร์ถึง 2 ครั้งในเวลาแค่ 3 วัน แม้ Atomic Bomb จะเทียบไม่ได้กับระเบิดนิวเคลียร์ในยุคปัจจุบัน แต่มันก็ร้ายแรงพอจะหยุดสงครามของญี่ปุ่นในเวลานั้น ดังนั้นเขาเผชิญกับตัวเองมาแล้ว เขารับรู้และเข้าใจความรู้สึก ความทุกข์ ความเจ็บปวดจากเหตุการณ์นั้นเป็นอย่างดี เขาไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีกไม่ว่าที่ไหนบนโลก พิสูจน์ได้จากหลักการต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์ 3 ประการของเขา

1.ส่งเสริมการใช้พลังงานนิวเคลียร์ไปในทางที่สันติเท่านั้น

2.ทำงานร่วมกับทั่วโลกเพื่อลดการใช้อาวุธนิวเคลียร์

3.ยับยั้งการพึ่งพาอิทธิพลภายใต้อาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา

มาตรา 9 แห่งรัฐธรรมนูญปี 1946 ของญี่ปุ่น ก็กำหนดเอาไว้ชัดเจนว่า ญี่ปุ่นจะละทิ้งการใช้กำลังเพื่อแก้ไขข้อพิพาทและการใช้กำลังอย่างอิสระของรัฐจะไม่ได้รับการยอมรับ

แม้สหรัฐอเมริกาจะเป็นพันธมิตรที่สำคัญของญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นปฏิเสธและห้ามไม่ให้สหรัฐฯ เข้าไปจัดเก็บหรือติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในเขตอำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1960 อนุญาตเพียงการมีฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศเท่านั้น

นอกจาก Little boy กับ Fat man ในปี 1945 แล้ว แผ่นดินไหวใหญ่และสึนามิในปี 2011 ยังส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 3 จาก 6 เตาเกิดปัญหากับระบบหล่อเย็น ปลดปล่อยกัมตรังสีไปทั่วบริเวณภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เหตุการณ์นี้ยิ่งย้ำเตือนถึงความจำเป็นในการยุติการใช้นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นให้เร็วที่สุด แม้กระบวนการปลดระวางโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แต่ละแห่งจะใช้เวลากว่า 50 ปี พวกเขาก็ต้องทำเพื่อความปลอดภัย

ญี่ปุ่นต่อต้านอาวุธร้ายแรงทุกรูปแบบ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะผลิตเองไม่ได้ ในเมื่อเขามีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึง 17 แห่ง การผลิตหัวรบนิวเคลียร์สัก 1 หัวก็คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ข้อมูลทางสภาพภูมิอากาศบนท้องฟ้าเหนือเอเชีย - แปซิฟิกส่วนใหญ่ก็ได้มาจากดาวเทียม Himawari ของญี่ปุ่นนี่แหละ และเป็นดวงที่ 8 แล้วด้วยที่ใช้งานทุกวันนี้ ดังนั้นศักยภาพการผลิตขีปนาวุธข้ามทวีป (เหมือนที่เกาหลีเหนือทดลอง) ก็ทำได้ด้วยเวลาไม่นาน

แต่เรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องคือภัยคุกคามของญี่ปุ่นทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ทั้งการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่นึกจะยิงก็ยิงแบบไม่เกรงใจใคร การขยายอิทธิพลของจีนเหนือหมู่เกาะพิพาททางใต้ของโอกินาวะและในทะเลจีนใต้ ความร้อนระอุในช่องแคบไต้หวันและกรณีพิพาทที่ค้างคามานานบริเวณเกาะทางเหนือของญี่ปุ่นซึ่งมีคู่พิพาทคือรัสเซีย ต้องยอมรับว่าตำแหน่งที่ตั้งของญี่ปุ่นน่าเป็นห่วง เพราะอยู่ใกล้มหาอำนาจ 2 แห่งคือจีนและรัสเซีย ดังนั้นการเปิดประเด็นเกี่ยวกับอาวุธร้ายแรงในญี่ปุ่นอาจทำให้มหาอำนาจทั้ง 2 ชาติไม่พอใจและหาเหตุผลเพื่อทำอะไรสักอย่างเหนือเกาะญี่ปุ่นก็เป็นไปได้

ดังนั้นประเทศที่เข้าใจถึงผลกระทบจากนิวเคลียร์ทั้งด้านสงครามและด้านพลังงานมากที่สุดก็คงจะเป็นญี่ปุ่น เพราะพวกเขาเผชิญมาแล้วทั้งสองรูปแบบและพวกเขาแก้ไขสถานการณ์เหล่านั้นได้ด้วยระยะเวลาไม่นาน หลายประเทศที่ใช้นิวเคลียร์ผลิตพลังงานก็เริ่มกระบวนการยุติการใช้ไปแล้วบ้าง เช่น เยอรมนี แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันกระบวนการของเขาจะถูกยืดออกไปเนื่องจากภาวะสงครามบีบให้เขาไม่มีทางเลือกด้านพลังงานมากนัก

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน

โลกใบใหญ่ เฟ้นหาบทความมาเขียนให้อ่าน เกาะติดสถานการณ์โลก แสดงความเห็นไปด้วยกัน มีหลากหลายช่องทางทั้ง Facebook - โลกใบใหญ่ / Twitter - โลกใบใหญ่ / Blockdit - โลกใบใหญ่ / Youtube - โลกใบใหญ่

บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์