สวัสดีครับทุกคน ผมกลับมาแล้ว กับบทความเกี่ยวกับโฟนิกส์ วันนี้เป็นเรื่องเสียงของพยัญชนะตัว J ก่อนอื่นเรามาอ่านประโยคต่อไปนี้กันครับ ... นายจอห์นสวมกางเกงยีนส์ เขาชอบเยลลี่และวิ่งจ๊อกกิ้ง (Mr. John wears jeans. He likes jelly and jogging) ทุกคนอ่านแล้ว เห็นอะไรอย่างหนึ่งไหมครับ ... นายจอห์น ภาษาไทยใช้ตัว จ ภาษาอังกฤษใช้ตัว J แต่ ยีนส์ กับ เยลลี่ ภาษาไทยใช้ตัว ย ภาษาอังกฤษใช้ตัว J แล้วในคำว่า จ๊อกกิ้ง ภาษาไทยก็กลับมาใช้ตัว จ ขณะที่ภาษาอังกฤษยังใช้ตัว J เหมือนเดิม ... เกิดอะไรขึ้น?
เรียนตามตรงว่าไม่ทราบครับ แต่อย่ากระนั้นเลย เชื่อผมนะ ถ้าเราจะพูดจะอ่านภาษาอังกฤษ ให้เราจำไว้ว่า J = จ อักษรตัวนี้ชื่อ เจ เสียงของมันคือ เจอะ ... พูดตามนะครับ เจ เจอะ, เจอะ เจอะ เจอะ ... ดีมากครับ ตัว J เป็นพยัญชนะครับ ... ที่นี้เรามาสะกดคำที่ขึ้นต้นด้วยตัว J กันเถอะ
JAM ตัว J ชื่อ เจ มีเสียงคือ เจอะ, ตัว A เป็นสระชื่อ เอ มีเสียงคือ แอะ และตัว M ชื่อ เอ็ม มีเสียงคือ เม่อะ ... JAM สะกดได้ว่า เจอะ แอะ เม่อะ แจม ... อีกครั้งครับ เจอะ แอะ เม่อะ แจม .... เยี่ยมครับ
JUG ตัว J ชื่อ เจ มีเสียงคือ เจอะ, ตัว U เป็นสระชื่อ ยู มีเสียงคือ อะ และตัว G ชื่อ จี มีเสียงคือ เกอะ ... JUG สะกดได้ว่า เจอะ อะ เกอะ จั้ก ... อีกครั้งครับ เจอะ อะ เกอะ จั้ก
JET ตัว J ชื่อ เจ มีเสียงคือ เจอะ, ตัว E เป็นสระชื่อ อี มีเสียงคือ เอะ และตัว T ชื่อ ที มีเสียงคือ เท่อะ ... JET สะกดได้ว่า เจอ เอะ เท่อะ เจ็ท ... อีกครั้งครับ เจอะ เอะ เท่อะ เจ็ท .... ดีมากครับ
หวังว่าทุกท่านจะได้แนวคิดในการสะกดคำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะตัว J กันแล้วนะครับ การสะกดโดยใช้เสียงของตัวอักษรแบบนี้ เป็นหลักการของโฟนิกส์ ซึ่งมีประโยชน์ในการฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ ซึ่งหลักการนี้ก็คล้ายคลึงกับการที่เราสะกดคำในภาษาไทยเลยนะครับ ... ลองนึกภาพความเคยชินของเราในการสะกดคำว่า JAM แบบเดิมนะครับ … JAM สะกดแบบเดิมคือ เจ เอ เอ็ม อ่านว่า แจม แปลว่าแยม ... กับแบบโฟนิกส์ เจอะ แอะ เม่อะ แจม …. แบบไหนดีกว่าครับ
ด้วยความปรารถนาดีครับ – วรพันธ์
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น