การดูแลผู้สูงอายุ และการกินอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันโควิด-19

   

    ในตอนนี้ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนัก ทำให้พบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในทุกๆช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่ที่หน้าเป็นห่วงมากที่สุดคือผู้สูงอายุ ที่มีภูมิคุ้มกันลดน้อยลง ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคปอด โรคไต โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น จึงทำให้กลุ่มผู้สูงอายุนั้นเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโควิดมากที่สุด

    และการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิดนั้น ควรงดให้ผู้สูงอายุออกจากบ้าน หรือห้ามไปในที่แออัด หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรไปในเวลาที่มีคนน้อยมากทีสุด และพยายามเว้นระยะห่างจากคนอื่นๆ รวมถึงคนที่ดูแลผู้สูงอายุด้วยเช่นเดียวกัน เพราะหากผู้สูงอายุไม่ได้ออกจากบ้าน แต่ก็สามารถติดเชื้อจากคนภายในครอบครัวที่เดินออกนอกบ้าน ไปทำงาน หรือออกไปซื้อของต่างๆ ได้ เมื่อออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังจากที่จับสิ่งของต่างๆ เมื่อกลับบ้านแล้วควรรีบอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายทันที หากดีที่สุดเสื้อผ้าที่สวมกลับมาหลังจากที่ออกนอกบ้าน ควรซักทำความสะอาดโดยเร็วที่สุด 

    สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการดูแลผู้สูงอายุก็คือห้ามใช้ของร่วมกัน จะรับประทานอาหารควรใช้ช้อนกลาง และหมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอโดยสามารถใช้แอลกอฮอล์ 70% ทำความสะอาดตรงที่เราไปสัมผัสบ่อยๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดี

    ในการเสริมภูมิคุ้มกัน หรือการสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายของผู้สูงอายุ นอกจากการดูแลเรื่องความสะอาด และระมัดการติดเชื้อโควิดแล้ว สิ่งที่สามารถสร้างภูมิท้านทานให้กับผู้สูงอายุได้นั้น คือการได้รับอาหารที่ครบ 5 หมู่ และในเมนูอาหารจัดเตรียมนั้น ควรเน้นอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น ไข่ นม เนื้อปลา หรือเนื้อสัตว์ที่สามารถรับประทานง่ายๆ แต่ต้องไม่ติดมัน ขิง ขมิ้นชัน ผัก ผลไม้รสเปรี้ยว เป็นต้น 

    โดยเมนูอาหารที่ทำให้ผู้สูงอายุนั้นต้องปรุงสุกเสมอ มีรสที่ไม่จัดจานไม่หวานหรือเค็มจนเกินไป สามารถเคี้ยวง่าย แนะนำให้เป็นเมนูประเภทต้มนะคะ เพราะจะทำให้ผู้สูงอายุทานได้คล่องคอมากขึ้นค่ะ ควรให้ผู้สูงอายุดื่มน้ำวันละ 8 - 10 

    สุดท้ายสิ่งที่ละเลยไม่ได้คือการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและการมีสุขภาพจิตที่ดี ควรหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ และงดการรับฟังข่าวสารที่มากจนเกินไป อาจทำให้เกิดความเครียดหรือวิตกกังวลได้ แนะนำให้นั่งสมาธิ ฟังธรรมะ หรือฟังเพลง ทำกิจกรรมที่ชอบ เพื่อลดความเครียด ทั้งยังเป็นการสร้างสภาพจิตใจที่ดีอีกด้วย

 

********************************************************

ขอบคุณข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข และ กรมการแพทย์

 

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความอื่นๆ
เกี่ยวกับผู้เขียน
บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์