พอผ่านไปสักหนึ่งสัปดาห์เริ่มรู้ตัวว่า นี่มันถูกขังแล้ว เพื่อนก็ไม่ได้เจอ
คุยกันแต่เรื่องงานผ่านทางไลน์ หรือเจอกัน เพราะต้องประชุมผ่านทางซูม (Zoom Meeting)
ความสนุกครื้นเครงหายไปหมด เสื้อผ้าหน้าผมก็ไม่ต้องแต่ง อาหารก็กินแบบเดิม ๆ หรือแบบที่พออิ่มท้อง
ผ่านไปสัปดาห์ที่สอง ก็ยังคงนั่งทำงานงก ๆ อยู่ในห้อง เที่ยงก็เดินลงมากินข้าว เย็นหลังเลิกงานก็มานั่งดูทีวี หัวค่ำเข้านอนพอมาสัปดาห์ที่สาม เริ่มคิดได้ล่ะว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังเป็นหุ่นยนต์ ไม่ก็ซึมเศร้าแหง ๆ มาปฏิวัติวงการ Work from Home ให้มันมีอะไรมากกว่านี้ดีกว่า
เย็นวันนั้นหลังเลิกงานก็เอาหนังสือเก่าที่เคยอ่านแล้ว จบบ้าง ไม่จบบ้าง มาถ่ายรูปหน้าปก แล้วก็ลองประกาศขายหนังสือมือสองสภาพใหม่ดูในเพจส่วนตัว ผ่านไปไม่ถึงวันก็มีคนติดต่อมาขอซื้อเรื่อย ๆ พอหนังสือที่มีเริ่มหมด ก็หากระเป๋าแบรนด์เนมของแท้ที่คิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ใช้แล้ว มาถ่ายรูปขายในเพจเดิมดู ผ่านไปไม่กี่วันก็ขายได้ เอ่..ทำไมขายง่ายจัง แถมไม่ต้องลงทุนอะไรเลยด้วย ก็เลยลองหาของเก่า ๆ ในบ้านนี่ล่ะ ที่ไม่ได้ใช้มาลงประกาศขายไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ขายไปหมดแล้ว เหลือแต่บ้าน
เอ๊ยไม่ใช่ !! ก็ขายของที่เก็บสะสมไปได้หลายชิ้น มาสิ้นเดือนมาดูเงินในบัญชีตัวเลขมันเพิ่มขึ้น
รู้สึกสดชื่นขึ้นทันทีเลย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่ต้อง Work from Home จะทำให้มีรายได้เพิ่มได้ด้วย
จริง ๆ การทำงานที่บ้านนอกจากจะประหยัดค่าเดินทาง และค่าอาหารล่อใจข้างทางแล้ว ยังสร้างรายได้ให้ด้วย
ตอนนี้ก็เลยวางแผนหานู้นนี่มาขายหลังเลิกงานเยอะเลย บางอย่างก็ทำเป็นแฮนเมด จะได้ต้นทุนที่ถูกลงด้วย
ก็อยากฝากถึงเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้อาจจะกำลังมองหางานทำ หรือหารายได้เสริมอยู่
ลองเริ่มจากอะไรเล็ก ๆ ง่าย ๆ ดูก่อนสิ
แต่ที่สำคัญคือ ต้องซื่อสัตย์ และจริงใจกับผู้ซื้อนะ อย่าสร้างความไม่ไว้ใจและไปหลอกลวงกัน
เพราะสิ่งที่ไม่ดีเมื่อเขาเจอครั้งนึงแล้วเขาจะจำฝังใจ ต่อไปเมื่ออะไรที่ดี ๆ เขาก็จะไม่กล้าไว้ใจอีกได้
อย่าสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้เกิดขึ้นนะ คิดดี ทำดี พูดดี แล้วสิ่งดี ๆ จะอยู่รอบตัวเรา
ขอให้เพื่อน ๆ โชคดีมีเงินใช้ในยุคลำบาก มีโรคระบาด และน้ำมันแพง
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น