พระนางมารี อ็องตัวเเน็ต
พระนางมารี อ็องตัวแน็ต (Marie Antoinette) หรือพระนามเต็ม ๆ คือ อาร์ชดัชเชสมารีอา อันโทนีอา โยโซฟา โยฮันนา พระองค์ประสูติเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1755 ทรงเป็นชาวออสเตรียและทรงเป็นพระราชธิดาของจักรพรรดิฟรันซ์ที่ 1 กับจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา
ครั้นเมื่อพระชนม์อายุได้ 14 ชันษา พระนางอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส เพื่อสานความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน ซึ่งในตอนนั้นทั้งฝรั่งเศสและออสเตรียไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ การอภิเษกครั้งนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้เป็นผลดีนักเพราะ ฝ่ายเคร่งศาสนาของฝรั่งเศสทำการคัดค้านการอภิเษกสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล ทำให้พระนางมารี อ็องตัวแน็ต ต้องใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศสแบบไม่สงบสุข และถูกสบประมาทด้วยเรียกขานว่า “ผู้หญิงออสเตรีย” อยู่เรื่อยไป
หลังจากการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พระนางมารี อ็องตัวแน็ต ต้องเผชิญกับความแตกต่างของวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียม ที่พระองค์ทรงไม่คุ้นชินมากมาย อีกทั้งยังต้องกลุ้มพระทัยกับความวุ่นวายในวัง การแบ่งพักพวก ราชพิธีต่าง ๆ ซึ่งพระนางต้องใช้ความพยายาม อดทนและปรับตัวเป็นอย่างมาก
ชีวิตการแต่งงานของพระนางมารี อ็องตัวแน็ตกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไม่ค่อยราบรื่นซักเท่าไร ตัวของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เองก็ทรงตีตัวออกห่างและไม่ค่อยใยดีกับพระนางมารี อ็องตัวแน็ต กว่าทั้งสองพระองค์จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็ปาเข้าปีที่ 3 หลังจากอภิเษก
เล่ากันว่าพระนางมารี อ็องตัวแน็ต ทรงสนุกกับการใช้ชีวิตไปวัน ๆ จัดงานเลี้ยงหรูหรา มีอาหารมากมายล้นโต๊ะ การจัดงานฉลองแต่ละครั้งก็ใช้เงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งผิดกับสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนั้นที่ประชาชนอดยาก ไม่มีอันจะกิน นานวันเข้าประชาชนเริ่มเครียดแค้นกษัตริย์ที่ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ ประกอบกับมีเรื่องอื้อฉาวของพระนางมารี อ็องตัวแน็ต ถูกแพร่สะพัดออกมา ยิ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจในราชบัลลังก์เป็นอย่างมาก
เมื่อปีค.ศ. 1785 มีคดีอื้อฉาวที่โด่งดังไปทั่วราชธานีคือ คดีสร้อยพระศอ (Affair of Diamond Necklace) มีนายช่างเพชรคนหนึ่งเรียกร้องเงินสูงถึง 2,000,000 livers หรือ 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2015 จากพระนางมารี อ็องตัวแน็ต โดยอ้างว่าพระคาร์ดินัล เดอ โรออง เป็นผู้ว่าจ้างให้ทำขึ้นในนามของพระนางมารี อ็องตัวแน็ต ซึ่งตัวพระนางเองก็ทรงปฏิเสธและบอกว่าทรงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
จากเรื่องราวอื้อฉาวนี้ยิ่งเป็นฉนวนที่ทำให้ประชาชนหมดความศรัทธาในตัวราชินีองค์นี้ ผลของการไตร่สวนคดี พระนางมารี อ็องตัวแน็ต ถูกตัดสินว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่เกี่ยวกับกับเรื่องนี้ แต่ทว่าประชาชนเองไม่ยอมรับคำตัดสินและไม่เชื่อว่าพระนางไม่มีส่วนรู้เห็น
เมื่อเวลาผ่านไปดูเหมือนสถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์จะยิ่งย่ำแย่ลง จนในที่สุดก็เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้น ประชาชนจำนวนมากบุกเข้ามาที่พระราชวังแวร์ซาย เพื่อจับตัวพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อ็องตัวแน็ต
ในวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1793 คือวันที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกประหารชีวิต ตัวของพระนางพระนางมารี อ็องตัวแน็ต เองก็ทรงถูกตัดสินข้อหาว่าเป็นกบฏ และถูกประหารชีวิตในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1793 โดยมีดกิโยคินตัดหัว
พระนางมารี อ็องตัวแน็ต ราชินีแห่งฝรั่งเศสที่มาพร้อมกับวลีเด็ดเสียดสีประชาชน “ไม่มีขนมปังก็กินเค้กสิ” ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็เหมือน ไม่มีข้าวก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวแทนสิ อะไรประมาณนั้น แม้ในปัจจุบันยังไม่พบหลักฐานว่าพระนางกล่าวคำพูดนี้จริงหรือไม่? แต่วลีดังกล่าวก็สร้างความโกรธแค้นกับประชาชนเป็นอย่างมาก บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศที่ไม่ค่อยจะดีนัก จุดจบของเรื่องราวทั้งหมดคงมีแต่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง เหมือนเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้น
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น