พระนางเนเฟอร์ติติ (Nefertiti) ทรงเป็นมเหสีของฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 4 ผู้ซึ่งได้รับการกล่าวถึงว่า โด่งดังเพราะเมีย! ทั้งสองพระองค์ครองราชย์ในอาณาจักรอียิปต์โบราณ ในช่วง 1,350 ปีก่อนคริสตกาล อีกทั้งยังเป็นกษัตริย์ที่แหกกฎและปฏิรูปศาสนาที่นับถือกันมากกว่าร้อยปี แม้เวลาจะผ่านมานานนับพันปี แต่เรื่องราวของทั้งสองพระองค์ ยังคงตราตรึงในใจของเหล่ามนุษย์โลกเรื่อยมา
คำว่าเนเฟอร์ติติ มีความหมายว่า หยาดฟ้ามาเยือนดิน ซึ่งถือว่าชื่อนี้เหมือนกับรูปโฉมของพระนางเลยทีเดียว ในหลักฐานมีการปรากฏรูปปั้นของพระนางครึ่งตัว ใบหน้าเรียวสวยสมส่วน จมูกโด่งเป็นสัน ปากอวบอิ่มรับกับคางได้อย่างเข้ารูป ความงามนี้เองที่มัดใจฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 4 ทายาทของอียิปต์รุ่นต่อไปจนโงหัวไม่ขึ้น แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะสรุปได้ว่าพระนางมีเชื้อสายจากที่ไหนและเป็นธิดาของผู้ใด
ภาพเทพอาเตน
เรื่องราวก้องโลกมันเริ่มหลังจากตอนที่พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เคียงคู่ฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 4 ท่ามกลางเหล่านักบวชที่ไม่ชื่นชอบพระนางในสมัยนั้น พระนางเนเฟอร์ติติ ทรงยุพระสวามีให้ฉีกกฎจารีตดังเดิมแต่โบราณและทำการปฏิรูปศาสนาขึ้นใหม่ โดยการให้เปลี่ยนมานับถือพระเจ้าพระองค์เดียว เรียกว่า “อาเตน” เป็นสุริยเทพที่ไม่มีรูปร่าง มีเพียงดวงแสงกลม ๆ กับลำแสงยื่นยาวพร้อมกับพระหัตถ์เล็กเท่านั้น ซึ่งแต่เดิมอียิปต์นั้นมีความเชื่อเรื่องการบูชาเทพเจ้าหลายพระองค์ เรียกว่าการฉีกกฎครั้งนี้ ประชาชนอียิปต์ไม่ได้ศรัทธากับเทพองค์ใหม่สักเท่าไหร่ จินตนาการว่าถ้าคนไทยถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนาที่นับถือมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เราเองก็คงไม่พอใจเช่นกัน
เมื่อประชาชนไม่ยอมที่จะสักการะเทพอาเตน ฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 4 จึงทรงใช้วิธีรุนแรงโดยการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทางศาสนา ริบข้าวของสมบัติที่อยู่ในวิหารต่าง ๆ และทรงเปลี่ยนชื่อจากพระนามเดิม อเมนโฮเทป ที่มีชื่อของเทพอาเมนเป็นส่วนประกอบ แล้วทรงใช้ชื่อใหม่ว่า อัคเกนาเตน ต่อมาจึงสร้างเมืองหลวงใหม่และย้ายให้ออกห่างจากราชธานีเดิมไปไกลถึง 240 ไมล์
หลังจากพระนางเนเฟอร์ติติได้ดั่งสมใจอยากพระนางแล้ว พระนางต้องเผชิญกับความระส่ำระส่ายในบัลลังก์เรื่อยมา เพราะเหล่านักบวชนั้นไม่เห็นดีเห็นงามในการกระทำครั้งนี้ ว่ากันว่าทั้งภาพจิตรกรรมและประติมากรรมต่าง ๆ ในยุคนี้มักจะปรากฏรูปภาพที่คลุมเครือแทบแยกไม่ออกว่าผู้ใดคือกษัตริย์ ผู้ใดขึ้นราชินี เพราะเกือบทุกรูปพระนางเนเฟอร์ติติจะปรากฏร่วมรูปกับฟาโรห์อัคเกนาเตนอยู่เสมอ
บั้นปลายชีวิตคู่ของทั้งสองพระองค์ไม่ราบรื่นนัก ความรักที่เคยมั่นคงกับสั่นคลอนเยี่ยงรูปโฉมพระองค์ที่แห้งเหี่ยวโรยราวไปตามอายุ ในตำนานกล่าวไว้ว่าฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 4 ทรงหมดความหลงใหลในตัวพระนางเนเฟอร์ติติ และยังติดใจสนมสาว ๆ สวย ๆ นางใหม่ อีกทั้งยังทรงกลับตัวกลับใจ ตาสว่าง ทรงเปลี่ยนพระทัยกลับไปบูชาเทพอาเมนอีกด้วย ทำให้พระนางเนเฟอร์ติติเอง ทรงทนไม่ได้ต่อการเปลี่ยนไปของพระสวามี พระนางเนเฟอร์ติติจึงหอบหิ้วลูกและเจ้าชายน้อยพระองค์หนึ่งออกจากวังมาด้วย เจ้าชายน้อยองค์นี้แหละที่มีชื่อเสียงโด่งดัง กระฉ่อนไปทั่วโลกในยุคนี้ เรียกว่าในสาระคดีท่องโลกอียิปต์ต่างนำเรื่องนี้ออกมานำเสนออยู่บ่อย ๆ เจ้าชายน้อยองค์นี้คือ ตุตันคาเมน คนที่โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ได้ไปพบสุสานที่สมบูรณที่สุดเข้า
รูปปั้นครึ่งตัวของพระนางเนเฟอร์ติติ
เรื่องราวชีวิตช่วงท้ายของพระองค์ไม่ได้การกล่าวถึงมากนัก ชื่อของพระนางเนเฟอร์ติติได้สูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ทั้งรูปภาพพระองค์ ภาพสลักตามวิหารต่าง ๆ ก็แทบไม่หลงเหลืออยู่ เหลือเพียงรูปปั้นครึ่งตัวแทนพระองค์ที่ถูกค้นพบที่ซากเมืองเก่าเทลเอลอาร์มาน่า การค้นพบรูปปั้นพระนางนั้น จึงเป็นจุดผลักดันให้คนยุคหลังหันมาสนใจ ประวัติศาสตร์เรื่องราวของพระองค์เพิ่มมากขึ้น
จวบจนถึงทุกวันนี้ นักประวัติศาสตร์ยังคงหาคำตอบและศึกษาเรื่องราวของพระนางเนเฟอร์ติติ ถึงแม้ว่าเราจะค้นพบหลักฐานของพระนางน้อยมาก ๆ ผู้เขียนเชื่อว่าความลับแห่งไอยคุปต์ยังคงมีมนต์ขลังและยังรอคอยวันที่จะมีผู้มาปลดปล่อยความลับของพระนางเนเฟอร์ติติออกไปสู่สาธารณชนอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง......
ชอบบทความนี้มากครับ เขียนต่อไปเรื่อยๆนะครับ อ่านเพลิน ได้ความรู้มากครับ
ขอบคุณค่ะ
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น