ใคร ๆ ก็อยากมีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง เป็นธรรมดาของมนุษย์เงินเดือนคนนึงที่เมื่อทำงานมาสักพักก็อยากมีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง อยากมีรถก็ซื้อรถ ผ่อนรถ ผ่อนรถหมดก็อยากมีบ้าน ซื้อบ้าน แล้วก็ต้องทำงานหาเงินมาผ่อนบ้านต่อ จากไลฟ์สไตล์ของตัวเองแล้วคิดว่าการซื้อคอนโดใกล้รถไฟฟ้าเป็นคำตอบที่ดีสำหรับเรา จึงตัดสินใจเป็นหนี้ธนาคารกู้เงินมาซื้อคอนโดมือสอง รวมทั้งหมดเป็นเงิน 2.5 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ 30 ปี ธนาคารแรกที่กู้ช่วง 2 ปีแรกดอกเบี้ยถูกมาก ก็ผ่อนไปตามเกณฑ์ของธนาคาร เดือนไหนเงินเหลือมากก็จ่ายมาก เงินเหลือน้อยก็จ่ายไปตามเกณฑ์ ไม่เคยค้าง
แต่ใครจะไปคาดคิดชีวิตมนุษย์เงินเดือนตัวเล็ก ๆ อยู่ดีดีฟ้าก็ผ่าดังเปรี้ยง กลางปี 2559 โดนไล่ออกจากงานแบบไม่ทันตั้งตัว หน้าที่การงานที่กำลังไปได้ดี ก็หยุดชะงักลง แต่บ้านก็ยังต้องผ่อนต่อไป จากการโดนให้ออกจากงานครั้งนี้เราได้เงินชดเชยมาประมาณนึง เนื่องจากเป็นการตกงานกะทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ได้วางแผนอนาคตไว้ล่วงหน้า ไม่ได้มีแผนสำรองอะไรเลย เพราะคิดว่างานที่ทำอยู่นั้นมีความมั่นคงพอสมควรทำให้ช่วงที่ตกงานอยู่นั้นเครียดมาก ๆ อยู่คนเดียวไม่ได้เลย มีความหลอน คิดมาก คิดสั้น ต้องอยู่กับเพื่อน เพื่อนชวนไปไหนก็ไป เงินชดเชยที่ได้มาส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับการผ่อนบ้าน การไปออกทริปกับเพื่อน ๆ ปีนั้นก็เที่ยวเยอะมาก ไปเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย แถมยังมีโปรแกรมเที่ยวต่างประเทศที่จองไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะตกงานอีก สรุปตกงานครั้งนั้นก็ได้ประสบการณ์ในการท่องเที่ยวกลับมา และเหลือเงินประมาณสองแสน พอต้นปี 2560 ก็ได้งานใหม่ได้เงินเดือนเยอะกว่าเดิม หน้าที่การงานก็ดีกว่าเดิม คิดอีกแง่ก็ได้อะไรที่ดีดีกลับมานะ จากประสบการณ์ครั้งนั้นสอนให้รู้ว่า ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน เราควรจะวางแผนชีวิต เตรียมความพร้อมอยู่เสมอ
พอปี 2561 กู้ธนาคารครบ 3 ปี ดอกเบี้ยขึ้นสิคะจะรออะไร ที่เคยผ่อนเดือนละหมื่นกว่าบาท ขึ้นเป็นเกือบสองหมื่นทันทีจ้ะ ดอกเบี้ยคิดทุกวันไม่มีวันหยุด ถึงแม้ว่างานใหม่จะได้เงินเดือนมากกว่าเดิม แต่ทำไมชั้นต้องจ่ายดอกแพงกว่าเดิมด้วยฟระ อย่ากระนั้นเลยรีบหาธนาคารที่ดอกเบี้ยถูกกว่าเพื่อรีไฟแนนซ์ทันที แล้วก็ได้ธนาคารใหม่ ดอกเบี้ยถูกกว่าสมใจ วงเงินเหลือ 2.2 ล้านบาท ระยะเวลา 28 ปี เพราะผ่อนมาแล้ว 3 ปี เงินต้นเลยลดลง อัตราการผ่อนต่อเดือนก็ต่ำกว่าเดิมอีก มันยอดมาก เราก็ผ่อนต่ออย่างมีวินัย เนื่องจากได้เงินเดือนมากกว่าเดิม ยอดผ่อนต่อเดือนก็จ่ายได้มากขึ้น มีการวางแผนการเงินอย่างรัดกุม มีเงินเก็บ เพราะถึงจะได้เงินเดือนมากกว่าเดิม แต่ลักษณะงานเป็นสัญญาปีต่อปี บริษัทอาจจะไม่ต่อสัญญาปีไหนก็ได้
ต่อมาปี 64 บริษัทก็ไม่ต่อสัญญาจริง ๆ การออกจากงานครั้งนี้ก็ได้เงินชดเชยมาอีกประมาณนึง แล้วเราก็มีเงินเก็บอยู่ประมาณนึงฝากไว้กินดอกเบี้ย ประกอบช่วงนี้โควิดระบาทหนักทำให้การหางานเป็นไปได้ยากลำบากมาก และก็ครบกำหนด 3 ปีดอกเบี้ยถูกของธนาคารแห่งที่สอง พอเลยเดือนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ยก็ขึ้นสูงลิ่ว ๆ จากเคยดอกเบี้ยเดือนละประมาณสามพันกว่าบาทขึ้นเป็นเดือนละเจ็ดพันกว่าบาท นั่งคำนวณเสร็จสรรพว่าถ้าเอาเงินเก็บที่สะสมไว้มาโปะหนี้บ้านก็ยังเหลือเงินพอใช้อีกนิดหน่อย เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายแพงกว่าดอกเบี้ยรับ การฝากเงินไว้รับดอกเบี้ยแลกกับการจ่ายดอกเบี้ยบ้านแพง ๆ ไม่คุ้มแน่ ๆ สรุปเราก็สามารถปิดหนี้บ้านหลังแรกได้ภายในเวลา 6 ปี จากที่คิดว่าชาตินี้จะผ่อนหมดไหมเนี่ย
สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านมีสรุปดังนี้ค่ะ
ปิดหนี้กู้ซื้อคอนโดมูลค่า 2.5 ล้านบาท ภายใน 6 ปี เอาเงินมาจากไหนถึงปิดหนี้ได้
1. การผ่อนอย่างมีวินัย
2. เงินออม
3. เงินชดเชยที่ได้จากการออกจากงาน
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น