กระท่อมเคยจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ชนิดเดียวกับกัญชา ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ปี 2522 มาตรา 7 และถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนที่บริโภคกระท่อม หลังวุฒิสภาผ่านร่าง พ.ร.บ. ปลดล็อกพืชกระท่อม ก็ได้พ้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษแล้ว ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2564 โดยประชาชนสามารถปลูกและขายได้อย่างเสรี รวมไปถึงการดื่ม กิน หรือสามารถนำใบกระท่อมมาเคี้ยว โดยไม่ผิดกฎหมายอีกด้วย
และยังได้มีการปล่อยนักโทษหรือผู้ที่เคยกระทำผิดกฎหมายยาเสพติดที่เกี่ยวกับพืชกระท่อม จำนวน 1038 ราย ในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่เคยทำความผิด รวมไปถึงคดีที่ยังมีการค้างการพิจารณาไว้ต้องยุติลง
สรรพคุณของพืชกระท่อม
1. สารมารถนำมาใช้เป็นยาได้ โดยในสมัยโบราณพืชกระท่อมจะใช้เป็นยาในการ แก้ท้องเสีย ท้องเฟ่อ ท้องร่วง และยังช่วยในเรื่องของอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เนื่องจากใบกระท่อมมีสารแอลคะลอยด์ จึงทำให้ระงับในเรื่องของอาการปวดนั่นเอง
2. พืชกระท่อมมีสารแอลคะลอยด์และลดปวด เหมือนกับมอร์ฟีน (ซึ่งมอร์ฟีนถือว่าเป็นยาชนิดเสพติดให้โทษนะคะ) แต่กระท่อมปลอดภัยกว่ามอร์ฟีนหลายเท่า เพราะกระท่อมไม่กดระบบทางเดินหายใจ ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังบริโภค ถึงแม้ว่าการบริโภคกระท่อมจะทำให้เสพติดได้ แต่ก็ไม่มีปัญหาของการอยากได้ยาเหมือนยาเสพติดชนิดอื่นๆ และยังมีเกิดการติดยาช้ากว่ามอร์ฟีนหลายปี
3. ทำให้ประปรี้กระเปร่า มีเรี่ยวแรงในการทำงานมากขึ้น สามารถลดอาการเหนื่อยล้าได้ดี
ถึงแม้ว่าพืชกระท่อมจะมีสรรพคุณมากมายไม่ว่าจะสามารถใช้เป็นยาได้ ช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของร่างกายได้ แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่นะคะ ถ้าบริโภคในปริมาณที่มากจนเกิดไปก็จะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ค่ะ เพราะจะทำให้เกิดอาการเมา ผิวคล้ำและเข้มขึ้น หากจะบริโภคควรนำก้านใบออกจากตัวใบก่อนนะคะ เพราะก้านใบและใบมันไม่สามารถย่อยสลายได้ และไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้ จนมีพังผิดขึ้นบริเวณรอบกากกระท่อม จนเป็นก้อนถุงขึ้นมา หรือที่เรียกว่า ถุงท่อม ในลำไส้ได้ค่ะ
*******************************************************
ขอบคุณข้อมูลจาก ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น