เรื่องเล่าจากมาเก๊า

ในปี 2011 ก่อนเปิดเทอมมหาวิทยาลัย ฉันกับน้องชายเดินทางไปฮ่องกง-มาเก๊ากับอากง ป้าและอาอีกสองคน  ทั้งที่เราไม่ใช่สายมูเตลู แต่แม่ก็คะยั้นคะยอให้ไป โอกาสดีมาถึงแล้วในการไปต่างประเทศครั้งแรกของฉันกับน้องชาย เดิมน้องชายมีแพลนไปเกาหลีกับครอบครัวเพื่อนสนิท แต่คุณแม่เพื่อนโทรมาบอกว่าโดนนักต้มตุ๋นที่แสร้งทำเป็นไกด์หลอก ในวันนัดที่ควรจะต้องอยู่สนามบิน พ่อแม่เพื่อนของน้องชายต้องไปแจ้งความทัวร์ปลอมที่โรงพักแทน ความสนุกแห้งเหือด ฉันรีบบอกป้าว่าให้พาน้องไปด้วย ปลอบใจกัน ไปทริปฮ่องกงแทน

ฉันขอเล่าเรื่องมาเก๊าก่อนนะ เพราะมันผุดขึ้นมาในหัวพอดี มาเก๊าเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่มีความน่าสนใจ แลนด์มาร์กที่เราอยากไปดูคือซากประตูเซนต์ปอล เราไปยืนถ่ายรูปกับซากประตู เพราะถึงจะเหลือแค่นี้ แต่เราก็จินตนาการได้ว่าอลังการงานสร้างขนาดไหน ดูแล้วนึกถึงนอเทรอดามเลย

เราว่าจ้างรถตุ๊กตุ๊กที่มาเก๊าให้เขาพาไปดูหมู่บ้านชาวประมง ไปแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยประทับใจ เพราะอากาศร้อนเผามาก แล้วก็ไม่มีอะไรนอกจากรูปปั้นทราย จริง ๆ ประวัติความเป็นมาอะไรก็ไม่มี เหมือนสร้างมาให้เป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่างให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป นึกถึงรูปปั้นพระนาง Winter Love Song ที่อยู่เกาะนามิ ที่มีนักท่องเที่ยวเพราะสร้างสตอรี่

เรานั่งพักก่อนคิดว่าจะไปดิสนีย์แลนด์หรือเวนิเชี่ยน จริง ๆ ฉันกับน้องชายอยากไปดิสนีย์แลนด์ แต่อากงไม่รู้จะไปรอที่ไหน ตั๋วดิสนีย์แลนด์ก็แพงด้วย เราก็เลยไปเวนิเชี่ยนกัน เวนิเชี่ยนคืออาคารที่ภายในเลียนแบบเวนิส กรุงอิตาลี มีเรือกอนโดล่า และชายใส่เสื้อลายขวางสีน้ำเงินผูกผ้าพันคอสีแดงเป็นมือพาย พวกเราลงเรือลำละ 3 คน ฉันไม่อยากลง แต่อาฉันบอกให้ลง เป็นประสบการณ์ว่าครั้งหนึ่งเคยลงเรือเวนิเชี่ยนนะ นี่ไงได้ใช้ในการเขียนครั้งนี้ละ เขาก็พายไปและไปหยุดกลางน้ำเพื่อร้องเพลงให้ฟัง 1 เพลง ตอนที่ตื่นเต้นสุดคือตอนลอดสะพาน เราต้องล้มตัวนอนบนเรือ รอบการพายรอบนึงประมาณครึ่งชม. กว่าจะครบคนเราต้องรอญาติจากเรืออีกลำอีกครึ่งชม. เราไปรอเดินเล่นห้างสรรพสินค้าข้างล่าง พอทุกคนพร้อม เราก็ไปกินไอติมสเวนเซ่นส์ที่มาเก๊า

ป้าถามว่าอิ่มหรือเปล่า เพราะเดี๋ยวตอนเย็นจะลงไปคาสิโนชั้นล่าง ๆ ไปอีก จะไม่สะดวกออกมาหาข้าวกิน เราต้องกินข้าวไปก่อน มีตัวเลือกระหว่าง KFC กับฮะจิบัง เราเลือกฮะจิบังราเมนเพราะน่าจะอิ่มกว่ากินแค่ไก่ทอด

ลงไปคาสิโน พวกผู้ใหญ่ไปแลกชิป บอกว่าจะลองเล่นสักรอบนึง เหรียญหมดก็ไม่ต่อ ฉันอายุ 20 จะ 21 ปี แต่ฉันไม่มีโชคเลย ฉันขอเล่นสล็อตแมชชีนที่เป็นของเล่นแม่บ้าน อาให้ชิปจำนวนหนึ่ง ฉันเล่นแค่สามตาเท่านั้น รอบแรกและรอบสองฉันเสียรอบละหนึ่งเหรียญ รอบสามฉันได้ห้าเหรียญ ฉันเลิกเล่นเพราะได้กำไรแล้ว ไม่อยากขาดทุน ไกด์คนฮ่องกง'เฟรดดี้' เตือนว่าเจ้ามือเขาดูฮวงจุ้ย ที่นี่มีเทพารักษ์คุ้มครอง เจ้ามือมีแต่ดึงดูดเงินจากลูกค้า เค้าได้มากกว่าเสีย ระวังเล่นเพลินจะหมดตัว พออาฉันออกมาบอกว่าให้ชิปแล้วน่าจะเล่นให้หมด เป็นประสบการณ์ แต่ฉันเป็นคนเซฟ ๆ ฉันคิดว่ายิ่งเล่นยิ่งเสีย เล่นสามตาแล้วก็พอจะรู้ว่าเกมมันเล่นยังไง

ที่นี่ทาร์ตไข่อร่อยจริง ๆ แต่รออบนาน รอคิวนานด้วย ร้านเจ้าดังมีอยู่สองร้านคือลอร์ดจิมกับมาร์กาเร็ต เราชอบมาร์กาเร็ตเพราะรสนุ่มนวล และแน่นอนอร่อยกว่าทาร์ตไข่ที่ไทย ที่นี่เขาใส่ไข่แดงเยอะ อร่อยมาก ๆ

ป้ากับอาสองคนไปที่โต๊ะที่เขาเล่นไพ่ เดินสำรวจมีหลายโต๊ะ มีฉากเด็ดที่จำไม่ลืม คือ ฉันกับน้องรับหน้าที่ดูแลอากง ตอนที่พาอากงลงบันไดเลื่อน ก็มีการ์ดคนหนึ่งมาขวาง เขาขอดูบัตรประชาชนน้องเรา ทำท่าไม่เชื่อ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ให้ผ่าน บอกว่าน้องหน้าเด็ก เขาจะรู้ได้ไงว่าบัตรปลอมหรือไม่ปลอม เขาพูดเป็นคำ  ๆ ว่า Fake Card เมื่อฉันผู้เรียนอักษรจุฬาฯ พูดภาษาอังกฤษว่า " He is 18 years old now , grown up" เขาทำท่าไม่เข้าใจและหงุดหงิดพร้อมแกว่งกระบอง แต่ยังใจเย็นเพราะฉันเป็นผู้หญิง อากงผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและพูดภาษาอังกฤษได้ประมาณ Hello, Good Morning, Yes, No, OK, Thank You ได้สปีคแต้จิ๋ว การ์ดเขาเข้าใจและพยักหน้าให้ผ่าน น้องถามอากงว่าพูดอะไร แปลเลย

อากงบอกว่า' ฉันเป็นคนไทย หลานฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว รับประกันว่าไม่โกหก เอาบัตรประชาชนอากงเป็นประกันได้เลย'

การ์ดร้องไห้และกอดอากง บอกว่ารู้สึกเหมือนเจอพี่น้อง 'ผมเป็นคนจีนแต้จิ๋วเหมือนกัน ดีใจที่ได้มาเจอคนสายเลือดเดียวกันแม้อยู่คนละประเทศ ผมมาจากบ้านนอกที่พูดแต้จิ๋ว พูดอังกฤษได้แบบงู ๆ ปลา ๆ จึงไม่เข้าใจภาษาอังกฤษของเด็กผู้หญิง (ฉันเอง) เธอพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วมาก ผมรู้สึกว่าพูดภาษาอังกฤษแล้วไม่ถึงใจ เหมือนพูดภาษาจีน บางคำที่ไม่มีในภาษาไทย หลานคุณก็ต้องใช้คำอื่นแทนใช่ไหม ไม่เหมือนคุณกับผมที่ใช้ภาษาแม่ มาจากใจจริงๆ'

จากเหตุการณ์นี้อากงเป็นคนคลี่คลายทุกอย่างด้วยภาษาจีน ทำให้ฉันตั้งใจว่าก่อนจบอักษรฉันจะลงเรียนภาษาจีนกลาง Intensive Chinese อย่างน้อยหนึ่งวิชา คนจีนอยู่ทุกมุมโลก ภาษาที่สามใครคิดว่าไม่สำคัญ เพราะบางทีภาษาอังกฤษที่คิดว่าจะช่วยให้เรารอดตายในต่างประเทศ มันก็ไม่เสมอไป อากงบอกว่าการ์ดเรียกอากงว่าพี่ชาย

'คราวหน้าพี่ชายมามาเก๊า ทักผมไก้เลย ผมจะพาพี่ชายไปเลี้ยงข้าวต้มสักถ้วย'

แค่รู้ภาษาจีน ไม่อดตายจริง ๆ ด้วย

ป.ล. การ์ดคนนี้เขาเล่าให้อากงฟังว่าตอนมาทำงานวันแรกไม่มีเงินซื้อข้าวกิน พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง เขาก็เลยรู้สึกว่าถ้าเจอคนแต้จิ๋วมาจากที่อื่น ต้องเลี้ยงข้าว 'พี่ชายกินข้าวยัง'

ความลำบากของคนทำให้เห็นคุณค่าของข้าวเปล่า 1 ชามทำให้รอดไปได้หนึ่งวัน

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน
บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์