ท่ามกลางไฟสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียกับยูเครน เราเห็นภาพความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากในยูเครน เราเห็นศพทหารและพลเรือนที่เสียชีวิตนอนแน่นิ่งกลางถนนบ้าง ข้างถนนบ้าง และเราทำได้แค่หวังว่ามันควรจะจบลงในเร็ววัน เพราะไม่ว่าใครเรียกร้องอะไร สถานการณ์ก็ไม่ได้มีทีท่าจะยุติลงง่ายๆ
แต่ใน "โลกคู่ขนาน" ที่แฝงอยู่ในสังคมไทย กลับมีคนบางกลุ่มยังคงเชียร์แต่ละฝ่ายให้เข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่ปราณี บ้างก็เชียร์ให้ใช้นิวเคลียร์ บ้างก็กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามโดยใช้ข้อมูลเท็จ สร้างทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดและเผยแพร่มันออกไปต่างๆ นานา คนกลุ่มนี้คงลืมกันไปแล้วว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่การแข่งกีฬาสีในโรงเรียนมัธยม ที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นเชียร์ฝ่ายหนึ่งกันอย่างออกหน้า แต่มันคือสงครามที่มีการฆ่ากันจริง เจ็บจริง ตายจริง มันไม่สนุกสนานเหมือนการแข่งกีฬา มันมีแต่ความเจ็บปวด ผิดหวัง เสียใจและความหดหู่
คนกลุ่มนี้ไม่ได้แสดงการสนับสนุนออกหน้าดังที่กล่าวไปเพียงเท่านี้ แต่ยังต่อต้านการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อกระแสหลักและหันไปสร้างทฤษฎีสมคบคิดขึ้นเอง พร้อมเผยแพร่มันออกไปทุกช่องทาง พยายามป้ายให้ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ผิดโดยตลอด ทุกครั้งที่มีการเผยแพร่ข้อมูลของคนกลุ่มนี้ออกมา ก็จะต้องมีฝ่ายที่ถูก(ซึ่งเป็นฝ่ายที่ตนเองสนับสนุน)และฝ่ายที่ผิด(ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับตนเอง)อยู่เสมอ
ฝ่ายขวาจัดในไทย ประสบความสำเร็จในการสร้างทฤษฎีสมคบคิดและเผยแพร่มันออกไป จนมันกลายเป็นความคิดที่มีน้ำหนักมากพอที่ปรากฏขึ้นมาควบคู่ไปกับความคิดในกระแสหลัก
ตัวอย่างทฤษฎีสมคบคิดที่ฝ่ายขวาจัดในไทยสร้างขึ้น(หรือรับมาอีกทีก็ไม่ทราบ)
- การเข้าร่วม NATO ของยูเครน จะเป็นการเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าไปติดตั้งขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์หน้าบ้านรัสเซีย
- ยูเครนรนหาที่ตายเสียเอง พวกเขาตกเป็นเครื่องมือให้สหรัฐฯ
- ยูเครนต้องรู้สำนึกในบุญคุณที่รัสเซีย(สหภาพโซเวียต)เคยขับไล่กองทัพนาซีออกไป
- ยูเครนเคยเป็นดินแดนหนึ่งของรัสเซียมาตั้งแต่อดีต เป็นบ้านพี่เมืองน้อง ดังนั้นต้องสนิทแนบชิดกับรัสเซีย ไม่ใช่พวกตะวันตก
- NATO พยายามเพิ่มพันธมิตรเพื่อโอบล้อมรัสเซีย ซึ่งจะนำไปสู่การแย่งชิงทรัพย์กรอันมหาศาลในดินแดนรัสเซีย
สังเกตเห็นจุดร่วมของแนวคิดเหล่านี้ไหม จุดร่วมของแนวคิดเหล่านี้คือ "โลกตะวันตก" ทำไมต้องพุ่งเป้าไปยังโลกตะวันตกหรือสหรัฐฯ ทำไมไม่มีคีย์เวิร์ดคำอื่นเลย
ฝ่ายขวาจัดในไทย ไม่ได้เป็นขวากระแสหลักที่โลกเขาเป็นกัน แล้วขวากระแสหลักมันเป็นแบบไหน
ขวากระแสหลักในศตวรรษที่ 21 มักจะอาศัยแนวความคิดในลักษณะของเสรีประชาธิปไตยที่พึ่งพิง "แนวทางประชานิยม" โดยยังคงยึด "หลักอนุรักษ์นิยม" กล่าวคือเคลื่อนไหวในรูปแบบประชาธิปไตยอนุรักษ์นิยมที่อาศัยประชานิยมและเสรีภาพในด้านการเมือง/เศรษฐกิจเป็นนโยบายในการดำเนินกิจกรรม มีให้เห็นในหลายประเทศ [พรรคอนุรักษ์นิยมในอังกฤษ, พรรคเสรีประชาธิปไตยในญี่ปุ่น, พรรคนวัตกรรมญี่ปุ่น(อนุรักษ์นิยม เสรีนิยมฝ่ายขวา ประชานิยมฝ่ายขวา) พรรครีพับลิกันในสหรัฐฯ(ก่อนยุคโดนัล ทรัมป์) เป็นต้น]
กลับมากันที่ฝ่ายขวาจัดไทย ซึ่งไม่ได้เป็นขวากระแสหลัก (เป็นขวาตกขอบไปเลย) มีตัวอย่างให้เห็นหลายครั้งในการเมืองไทยตั้งแต่ช่วงปลายรัฐบาลทักษิณเป็นต้นมา
ตัวอย่างที่เน้นย้ำชัดเจนว่าฝ่ายขวาจัดไทยนั้นอยู่นอกกระแส
- การเรียกร้องรัฐประหาร 2 ครั้ง (กันยายน 2549, พฤษภาคม 2557)
- คว่ำบาตรและขัดขวางการเลือกตั้ง (กุมภาพันธ์ 2557)
- รัฐธรรมนูญ 2560 และบทเฉพาะกาล (สว.250 เลือกนายกรัฐมนตรีได้ 2 ครั้ง)
- ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
- การยุบพรรคการเมือง(ฝ่ายตรงข้าม)พร่ำเพรื้อ (ยุบพรรคไทยรักไทย 2550, ยุบพรรคพลังประชาชน 2551, ยุบพรรคไทยรักษาชาติ 2562, ยุบพรรคอนาคตใหม่ 2563
จะเห็นว่าฝ่ายขวาจัดไทยไม่ได้เคลื่อนไหวตามแนวทางกระแสหลัก แต่เป็นกระแสรองเนื่องจากเคลื่อนไหวตามแนวคิด "อำนาจนิยม" และ "ทหารนิยม" โดยเชื่อว่าหากบ้านเมืองมีปัญหา ก็เรียก "คนดี" มาแก้ไขเสียสิ ซึ่งในสังคมโลกนับว่าเป็นแนวคิดที่ตกยุคไปแล้ว มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่กองทัพ/ทหาร ยังคงมีบทบาทสำคัญในทางการเมือง (ประเทศที่เกิดรัฐประหารบ่อยในทวีปแอฟริกา, เมียนมาร์)
กลับไปที่คำถามหลัก คือ ทำไมฝ่ายขวาจัดไทยจึงเกลียดกลัวตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ คำตอบที่พบอาจยังเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน
ฝ่ายขวาจัดไทยอาจไม่ได้เกลียดหรือกลัวตะวันตกและสหรัฐฯ อย่างที่เราคิด แค่ต้องสร้างทัศนคติที่เป็นลบเนื่องจากต้องใช้ความเกลียดกลัวเป็นเครื่องมือ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวตามกระแสหลัก ไม่ได้อาศัยประชาธิปไตยเป็นแกนหลักสำคัญ จึงมีความเป็นไปได้ว่าคนกลุ่มนี้ "เกลียดและกลัวประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย" การเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้จะอาศัยอำนาจนอกระบบ(กองทัพ, ทหาร, นายทุน, เงินหรือแม้กระทั่งการดึงสถาบันต่างๆ)มาเป็นเครื่องมือในการรักษาแนวทางของตนเอาไว้
แต่ฝ่ายขวาจัดไทยยังคงดึงเอาบางสิ่งบางอย่างจากกระแสหลักมาใช้เพื่อปกปิดหลอกตาให้สังคมเข้าใจว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น (โครงการประชานิยมลดราคาสินค้าและบริการหรือแจกเงินกันแบบสุดโต่งที่ประเทศร่ำรวยยังไม่กล้าทำ) ซึ่งโดยเนื้อแท้ไม่ใช่การเคลื่อนไหวตามกระแสหลักแต่อย่างใด แต่เป็นเครื่องมือในการรักษาฐานอำนาจของตนเองไว้ให้อยู่ได้โดยไม่ประสบปัญหาระหว่างทาง
ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมฝ่ายขวาจัดไทยจึงมีทัศนคติที่เป็นลบกับโลกตะวันตกนั้น ก็อธิบายคล้ายกับที่ผ่านมา คือ โลกตะวันตกเต็มไปด้วยประเทศเสรีประชาธิปไตย เป็นกลุ่มประเทศที่มีความเป็นเอกภาพ(ไปไหนไปกัน-เป็นประชาธิปไตยยกแผง) มีความเจริญก้าวหน้าซึ่งเป็นผลจากการเมืองแบบที่พวกเขาเกลียด รวมถึงการถูกปลูกฝังจากตำราเรียนประวัติศาสตร์ในวัยเด็กที่คอยสร้างภาพให้โลกตะวันตกเป็นผู้ร้ายที่จ้องจะรังแกตนเอง(ซึ่งเป็นคนดี) มาโดยตลอด ลักษณะเช่นนี้ยิ่งเกิดขึ้นรุนแรงถ้าตัวละครเป็น "สหรัฐอเมริกา" ซึ่งอยู่ในสถานะที่เป็นอันดับ 1 ของโลกและเป็นผู้นำในบรรดาชาติประชาธิปไตยทั้งหลาย ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงหล่อหลอมให้พวกเขาต้องสร้างทัศนคติที่เป็นลบต่อโลกตะวันตก
ดังนั้นฝ่ายขวาจัดไทยจึงต้องหาที่พึ่งพิงซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับโลกตะวันตกและสหรัฐฯ ที่ไหนที่ไม่เป็นประชาธิปไตยหรือกล้าต่อกรกับชาติประชาธิปไตย นั่นก็คือ จีนและรัสเซีย บางทีอาจรวมถึงอิหร่านและเกาหลีเหนือด้วย กลุ่มประเทศเหล่านี้เป็นขั้วที่อยู่ตรงข้ามกับโลกตะวันตกอย่างแน่นอน การเคลื่อนไหวทางการเมืองจึงขัดแย้งกับโลกตะวันตกอย่างเห็นได้ชัดเจน ฝ่ายขวาจัดไทยจึงใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการปกปิดตัวตนของพวกเขา ให้สังคมเข้าใจว่าพวกเขาคือกลุ่มคนที่มีแนวคิดในขั้วตรงข้าม จึงมักแอบอ้างว่าพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นประชาธิปไตยเพราะมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป แต่โดยเนื้อแท้ พวกเขารู้ดีว่าตัวตนที่แท้จริงก็คือกลุ่มคนที่เกลียดความเป็นประชาธิปไตยและต้องการให้อำนาจนิยมและทหารนิยมนั้นเป็นใหญ่
อนึ่งฝ่ายขวาจัดไทยอาจหลงลืมกันไปแล้วว่าในสมัยหนึ่ง พวกเขาเองก็เคยจงรักภักดีกับโลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ อย่างไม่เสื่อมคลาย จนถึงขนาดต้องยอมป้ายสี สาดโคลนและทำลายล้างฝ่ายซ้ายขนานใหญ่จนเกิดเป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ตุลา 19 กันมาแล้ว
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น