ใครว่า "ซึมเศร้า" ไม่อันตราย

เหงา เศร้า ซึม จนกลายเป็น "ซึมเศร้า" โธ่ ๆ อาการแบบนี้ไม่มีใครบังคับได้หรอก และเชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นแน่นอน

คนที่ไม่เป็นคงนึกไม่ออกว่ามันเป็นยังไง หรือ น่ากลัวแค่ไหน

เราขอออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ใช่หมอ และไม่ใช่ผู้ชำนาญการด้านทางการแพทย์ใด ๆ แต่เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาแล้ว

ตอนแรก ๆ เพื่อนบอกว่า ถ้าคิดว่าเป็นซึมเศร้าให้ไปหาหมอกินยาเถอะ มันอันตราย

ณ วันนั้นที่เพื่อนผู้หวังดีได้บอกมา เราก็นึกได้แต่ว่า คนอย่างเราจะเป็นโรคอะไรแบบนี้ได้ยังไง

ผ่านมาไม่นาน อาการ Deep down ก็เข้ามากล่ำกลาย นั่นคือ น้อยใจเก่งมาก ใครพูดอะไรมาก็จะน้อยใจ เอาไปคิดนั่นนี่

แล้วรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่สำคัญ ไม่มีประโยชน์ต่อโลกใบนี้ จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา อยากร้องไห้หนักมาก

อยากฆ่าตัวตาย นอนไม่หลับ มีความเครียดสูงมาก ตาเหม่อ ๆ ลอย ๆ และอารมณ์ไม่นิ่ง อยากจะระเบิดตลอดเวลา แต่บางทีก็เศร้า ๆ คิดแต่เรื่องที่เศร้า ๆ เหมือนโลกมันมืดไปหมด กินอาหารไม่อร่อย ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่อยากเข้าสังคม ไม่อยากคุยกับใคร และไปเข้าเพจคนที่มีอาการเดียวกัน เพื่อจะได้รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง ก็ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียว มีคนที่เหมือนเราอีกมาก  

ตอนกลางคืนนอนหลับแล้วก็ไม่อยากตื่น ไม่อยากลืมตาขึ้นมาเจอโลกปัจจุบัน ไม่อยากคุยกับใครสักคน อยากอยู่ตัวคนเดียว

แต่ก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ให้ใครเห็น แต่จะคิดอยากฆ่าตัวตายทุก 5 นาที อะไรนิดอะไรหน่อยก็อยากฆ่าตัวตาย คิดหาวิธีตายรูปแบบต่าง ๆ แต่ไม่ได้ทำ เพราะยังมีสติอยู่ ยังไปทำงานตามปกติ กินอาหารครบทุกมื้อ แต่น้อยลงและไม่รู้สึกหิวเลย

จนกระทั่งวันหนึ่ง เริ่มรู้สึกตัวว่า "เราเป็นอะไร?" เริ่มถามตัวเอง ก็เปิดอินเตอร์เน็ต search เจอ อาการของ "โรคซึมเศร้า" 

และในทุก ๆ ข้อของโรคนี้ ตรงกับอาการที่เราเป็นอยู่ครบถ้วน จึงตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ที่คนเขาแนะนำว่า ไปพบจิตแพทย์เพราะใกล้บ้า ก็เห็นจะจริง ที่นี่ยังไม่บ้าเท่านั้น แค่อยากฆ่าตัวตายถี่ขึ้นเรื่อย ๆ 

การไปนั่งรอพบจิตแพทย์ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตตัวเองมาก่อน

ภาพที่เคยเห็นในหนังในละคร การไปพบจิตแพทย์ให้นั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ ๆ แล้วนอนคุยกับจิตแพทย์สัก 1 ชั่วโมง เพื่อสอบถามอาการให้เล่าเรื่องราว และรับยาพร้อมคำแนะนำดี ๆ ก่อนกลับบ้าน 

ภาพนั้นต่างไปจากความเป็นจริงมาก ในวันที่เราไปพบจิตแพทย์ เป็นการเตรียมเรื่องเพื่อไปบอกให้รู้ว่าเรามีอาการ  1 2 3 4...

และได้เล่าให้ฟังไม่กี่นาที จิตแพทย์แนะนำเหมือนเป็นคำสอนมาไม่กี่คำ และก็ให้รับยากลับไปกินประมาณ 1-2 สัปดาห์

หลังจากกินยาอาการก็ดีขึ้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ก็รู้สึกว่า ความคิดฆ่าตัวตายลดลง และไม่ได้รู้สึกน้อยใจมากเหมือนแต่ก่อน เมื่อครบกำหนดนัดก็ไปพบครั้งที่สอง ซึ่งก็แทบไม่ได้คุยอะไรมากเช่นเคยไม่เกิน 5 นาทีก็รับยาตัวเดิมมากิน

อาการเราดีขึ้นใน 1 เดือน แต่สิ่งที่รับรู้ได้คือ ค่ายาและค่าตรวจรักษาแพงมาก แพงชนิดที่เราคิดว่า หายดีกว่า ถ้าเป็นอีกมีหวังจนหมดตัวเพราะจ่ายค่ารักษาแน่ ๆ 

เราจึงมาดูแลตัวเอง และไม่ไปพบจิตแพทย์ท่านนั้นอีกเลย  ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นมาก เรียกว่า หายแล้วก็ได้

ส่วนความรู้สึกต่าง ๆ ที่เคยเป็นในช่วงนั้นก็ลดลงไปเรื่อย ๆ ณ วันนี้อาจมีแวบ ๆ นึกอยากฆ่าตัวตายอยู่บ้าง 

แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกครั้งที่รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจ

 

สิ่งนี้ทำให้เรียนรู้ว่า การที่เป็นอะไรสักอย่าง หากเรามีอะไรอีกอย่างเข้ามาเปลี่ยน อารมณ์ความรู้สึก หรือให้ได้ทำแตกต่างออกไป สิ่งเดิมที่เคยเป็นอยู่จะถูกบำบัดและหายไปได้เองเช่นกัน 

แต่ก็อยากให้ท่านผู้อ่านพึงระวังและสังเกตอาการของตนเองเสมอ ๆ หากมีอาการแบบที่เราได้เขียนเล่าไปแล้ว

ก็ควรพบแพทย์เพื่อทำการบำบัดรักษา อย่าปล่อยให้มันหายเอง

เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าทุกคนจะสามารถรักษาเยียวยาตัวเองให้หายจาก "โรคซึมเศร้า" นี้ ได้อย่างไร

ขอให้ทุกคนปลอดภัยและมีสุขภาพดี

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน

เพราะชีวิตต้องมีลมหายใจ สู้ต่อไปเพราะพระอาทิตย์ยังขึ้นทิศเดิม

บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์