สิงคโปร์ (Singapore) ประเทศเกาะขนาดเล็กที่มีประชากรเพียง 5 ล้านคน แต่ความเจริญไปไกลถึงขั้นสุด ถือเป็นประเทศตัวอย่างสมัยใหม่ที่ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดี บ้านเมืองสะอาดปราศจากมลภาวะ เพราะพวกเขามีกลยุทธ์ด้านนโยบายรักษาบ้านเมืองแบบสุดแนว นอกจากกฎหมายแปลกๆ เช่น ห้ามบ้วนน้ำลาย และปัสสาวะในที่สาธารณะแล้ว ยังมีกฏหมายห้ามเคี้ยวหมากฝรั่งอีกด้วย
จุดเริ่มต้นของกฏหมายตัวนี้ ต้องขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีก่อน โดยในช่วงเวลานั้นได้มีข้ออภิปรายถึงปัญหาหาสิ่งแวดล้อมจากนายเทห์ เชิงวัน ( Teh Cheang Wan ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาแห่งชาติ ที่นำเสนอถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากการเคี้ยวหมากฝรั่ง
เนื่องจากมีคนมักง่ายทิ้งหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้วลงในกล่องจดหมาย รูกุญแจ พื้นบันได ที่นั่งรถโดยสารสาธารณะ และทางเท้าในพื้นที่สาธารณะ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดเพิ่มมากขึ้น แต่ทางที่ประชุมยังคิดว่าการใช้ไม้ตายถึงขั้นแบนหมากฝรั่งก็อาจดูรุนแรงเกินไปหน่อย กฏหมายตัวนี้จึงถูกเก็บใส่ลิ้นชักปิดตายไป
จนกระทั่งปี 1987 หมากฝรั่งก็สร้างเรื่องจนได้ เพราะมันคือสาเหตุที่ทำให้ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสาธารณะ (MRT) ที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ขัดข้อง ทำให้เที่ยวเดินรถล่าช้ากระทบต่อกันเป็นโดมิโน เนื่องจากมีคนมักง่ายเอาหมากฝรั่งไปติดที่แผงเซ็นเซอร์ประตู (นายไม่มีที่จะทิ้งเเล้วเหรอ) ทำให้ประตูรถไฟฟ้าเกิดทำงานขัดข้อง จึงต้องหยุดการให้บริการไปก่อน เสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่าย แถมไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ แนวคิดเรื่องการแบนหมากฝรั่งจึงถูกนำกลับมาปัดฝุ่นอีกรอบ
โดยหัวเรือสำคัญในการผลักดันกฏหมายคือโกว โจ๊กโตง (Go Chok Tong) นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของสิงคโปร์ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ได้ตัดสินใจแบนหมากฝรั่งในเดือนมกราคม ปี 1992 โดยสั่งห้ามเคี้ยวหมากฝรั่งทุกชนิด รวมไปถึงจำกัดการผลิต และจัดจำหน่าย ถูกตราไว้ในธรรมนูญของสิงคโปร์บทที่ 57 พระราชบัญญัติการควบคุมการผลิต
แต่ก็ยังมีหมากฝรั่งบางชนิดที่สามารถเคี้ยวได้นะ เผื่อใครไปเที่ยวสิงคโปร์แล้วเกิดอาการคันปาก เพราะในปี 2004 ได้มีข้อยกเว้นสำหรับหมากฝรั่งที่ใช้ทางการแพทย์ เช่นหมากฝรั่งนิโคติน ที่ใช้สำหรับรักษาอาการติดบุหรี่ แต่การจะนำมาเคี้ยวได้ต้องผ่านการอนุญาตจากแพทย์ก่อนอยู่ดี
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น