ยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา ราชินีองค์เดียวของจีนที่ทุกคนยังจดจำ (สตรีสะท้านโลก Ep.7)

            พระนางบูเช็คเทียน มีพระนามเดิมว่า อู่เหม่ยเหนียง มีความหมายว่า สตรีแซ่อู่ที่มีเสน่ห์ แต่ดั้งเดิมพระนางบูเช็คเทียน มีพื้นเพมาจากสามัญชนธรรมดาทั่วไป พ่อของพระนางเป็นพ่อค้า แต่ภายหลังได้เข้ารับราชการทหารรั้งตำแหน่งเสนาบดีอาวุโส ทำให้พระนางบูเช็คเทียนได้เข้ามาอยู่ในพระราชสำนักเช่นกัน ครั้นเมื่อพระนางบูเช็คเทียนอายุได้ 14 ปี ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ของวัยสาวแรกรุ่นก็เริ่มปรากฏออกมาเลื่องลือไปทั่วพระนคร จนความล่วงไปถึงพระกรรณของพระเจ้าถังไทจง ผู้ปกครองแผ่นดินจีนในขณะนั้น และทรงมีพระดำรัสให้นำพระนางบูเช็คเทียนเข้ามาถวายตัวเป็นนางสนมในวัง

 

            ครั้นอยู่ในวังไปได้สักพักความงามพราวเสน่ห์ของพระนางบูเช็คเทียนได้มีมากขึ้น จนไปแตะตาพระเนตรของ “องค์ชายไทจือ” รัชทายาทของพระเจ้าถังไทจงเข้าอย่างจัง องค์ชายไทจือและพระนางบูเช็คเทียนได้สานสัมพันธ์แบบลึกซึ้งกันอย่างลับ ๆ ทำนองรักต้องห้าม

 

พระเจ้าถังเกาจง

 

              ผ่านเวลาไปไม่นาน เหมือนโชคชะตาเข้าข้าง พระเจ้าถังไทจง ผู้เป็นบิดาทรงสิ้นพระชนม์ลง ทุกสิ่งทุกอย่างจึงตกมาเป็นขององค์รัชทายาทในทันที เมื่อเกิดการผลัดแผ่นดิน องค์ชายไทจือทรงสืบต่อราชบัลลังก์ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดินามว่า “พระเจ้าถังเกาจง” ซึ่งตามธรรมเนียมโบราณหากองค์ฮ่องเต้เสด็จสวรรคต สนมคนใดไม่มีลูกกับฮ่องเต้ จะต้องออกบวชเป็นภิกษุณี ซึ่งพระนางบูเช็คเทียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น    

 

               ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากจะครอบครองพระนางบูเช็คเทียน ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ทรงจับพระนางบูเช็คเทียนสึกและแต่งตั้งขึ้นเป็นสนมเอกดังสมใจปรารถนา ด้านพระนางบูเช็คเทียน การกลับเข้าวังในครั้งนี้ ทรงได้ตำแหน่ง “เจาหยี” ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดใน 9 ชั้นของสนม เรียกว่าการกลับมาครั้งนี้พระนางได้รั้งตำแหน่งใหญ่กว่าเดิมและมีอำนาจมากขึ้น เช่นคำกล่าวที่ว่า แข่งเรือแข่งพายสามารถแข่งได้ แต่จะแข่งบุญวาสนาแข่งไม่ได้ เลยจริง ๆ

 

               พระนางบูเช็คเทียนยึดคติจะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง ใช้สตินำอารมณ์ ว่ากันว่าพระนางลงทุนปลิดชีพลูกในไส้ของตนเองแล้วป้ายความผิดไปให้ฮองเฮา โดยแผนการนี้ถูกวางแผนมาอย่างดี การวางหมากเกมส์นี้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างแยบยล องค์ฮ่องเต้เองก็ทรงเชื่ออย่างสนิทพระทัย และทรงมีรับสั่งถอดยศฮองเฮาและนำไปคุมขังที่ตำหนัก  หลังจากจัดการฮองเฮาได้แล้ว พระนางบูเช็คเทียนทรงค่อย ๆ กำจัดผู้ขวางทางไปทีละราย ๆ ด้วยความใจเย็น จนกระทั่งถึงโอกาสมาถึง พระนางบูเช็คเทียน ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นฮองเฮาในที่สุด เรียกว่าถึงจุดสุดยอดของอำนาจฝ่ายในเลย

 

               ความเฉลียวฉลาดแกมโกงนี้ พระนางบูเช็คเทียน ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก เพราะตัวพระนางเองชอบศึกษาหาความรู้ เรียนหนังสือ ทั้งในด้านการเมือง การปกครอง วรรณกรรมและดนตรี คบหาแต่พวกบัณฑิต ทำให้พระนางเริ่มใช้ข้อได้เปรียบตรงนี้แทรกซึมเข้าไปช่วยฮ่องเต้พิจารณางานแผ่นดินอยู่เสมอ ๆ นานวันเข้าการกระหายอำนาจมันยิ่งรุนแรงกว่าทุกสิ่งใด ๆ บนโลก พระนางบูเช็คเทียน หวังที่จะขึ้นบัลลังก์ฮ่องเต้เสียเอง

 

                  พักหลัง ๆ พระเจ้าถังเกาจง เริ่มประชวรบ่อย ๆ ไม่มีแรงออกว่าราชการหรือคิดงานอันใด พระนางบูเช็คเทียนจึงใช้โอกาสนี้ถวายคำแนะนำอยู่หลังพระวิสูตรในขณะที่องค์ฮ่องเต้ประทับบัลลังก์ว่าราชการที่ท้องพระโรง พระนางบูเช็คเทียนผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการปกครองและมีความคิดอย่างคนสมัยใหม่ ได้ผลักดันให้มีการสอบคัดเลือกการรับราชการ แทนการใช้เส้นสายเข้ามารับราชการ พระนางทรงให้เหตุผลว่าการสอบคัดเลือก จะช่วยคัดกรองคนที่มีความสามารถจริง ๆ เข้ามาทำงานและทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น ซึ่งองค์ฮ่องเต้เองก็ทรงเห็นดีเห็นงามกับวิธีนี้เช่นกัน ไม่นานนักคนรุ่นใหม่ ๆ ที่มีความสามารถจึงเข้ามาสอบเป็นขุนนางมากขึ้น

 

               ระหว่างนั้นพระนางบูเช็คเทียน ทรงกำจัดพวกที่ขัดขวางพระนาง ไม่เว้นแม้แต่พี่สาวพระองค์เอง ที่เข้ามาถวายตัวเป็นสนมแก่องค์ฮ่องเต้ ก็โดนวางยางพิษจนสิ้นชีพไปในที่สุด

พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้

 

                ต่อมาพระเจ้าถังเกาจงทรงสิ้นพระชนม์ ราชโอรสของพระเจ้าถังเกาจงและพระนางบูเช็คเทียน จึงขึ้นครองราชย์บัลลังก์มังกรต่อ ทรงมีพระนามว่า “พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้” ตัวของพระนางบูเช็คเทียนเองต้องเปลี่ยนจากฐานะจากฮองเฮามาเป็นพระราชชนนีองไทเฮาแทน แต่อำนาจพระนางยังคงเหมือนเดิม  พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้ทรงต้องการปกครองบ้านเมืองในแบบฉบับของพระองค์ แต่พระนางบูเช็คเทียนก็ทรงต้องการปกครองในแบบของตน ทำให้พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้ทรงกระด้างกระเดื่องพระมารดาเป็นอย่างมาก จนในที่สุดพระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้โดนโค่นอำนาจลงโดยฝีมือของแม่ตนเอง!

 

                จนในที่สุดเส้นทางยิ่งใหญ่ที่นำไปสู่การขึ้นเป็นผู้ปกครององค์เดียวได้เริ่มขึ้น พระนางบูเช็คเทียนทรงสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้หญิงคนแรกขึ้น ในช่วงนี้แผ่นดินจีนมีความเจริญก้าวหน้าในหลายด้านมาก ๆ พระนางบูเช็คเทียนได้สนับสนุนเรื่องการเขียนบทความรัฐศาสตร์ ปรัชญาโอวาทไว้มากมาย แต่น่าเสียดายที่หลักฐานเหล่านี้ดันสูญหายไปหมด

 

              บั้นปลายชีวิตของพระนางบูเช็คเทียน พระองค์ทรงคืนราชบัลลังก์แก่พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้ และทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคชราเมื่ออายุ 81 ปี  พระนางบูเช็คเทียนทรงรับสั่งให้ฝังพระศพเคียงคู่กับพระเจ้าถังเกาจง พระสวามีอันเป็นที่รัก และทรงปรารถนาที่จะไม่ต้องให้จารึกคำสรรเสริญใด ๆ ที่แผ่นศิลาหน้าฮวงซุ้ยของพระองค์

 

               สิ้นสุดความยิ่งใหญ่ของสตรีสะท้านโลกอีกหนึ่งคน จากนางสนมสู่จักรพรรดินี แม้ว่าหนทางขึ้นสู่อำนาจของพระนางบูเช็คเทียนจะต้องฝ่าฟันและมีการหนองเลือดอย่างมากมาย แต่ในยุคนั้นพระนางกลับทำหน้าที่ผู้ปกครองได้อย่างดี ปกครองด้วยความสงบสุข รุ่งเรือง จนกลายเป็นตำนานอีกหนึ่งเรื่องที่มิอาจลบเลือนไปได้......

ชอบบทความนี้หรือไม่? รับทราบข้อมูลโดย เข้าร่วมรับจดหมายข่าว!

ความเห็น

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนเพื่อแสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับผู้เขียน

รอยยิ้มของมะลิจะส่งผ่านความรัก ความเมตตา ความจริงใจให้แก่ผู้อ่านทุกท่าน บทความที่ถูกรังสรรค์มาจากทุกห้วงของจิตใจ ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวที่สวยงามของคุณ

บทความล่าสุด
เม.ย. 28, 2023, 2:40 หลังเที่ยง Sugarmommy
เม.ย. 28, 2023, 2:37 หลังเที่ยง เบญจพิธพร
เม.ย. 27, 2023, 12:49 หลังเที่ยง ศลิล ตันวิสุทธิ์